รมช.คลัง ขอให้แบงก์รัฐตรึงดอกเบี้ยเงินกู้ ออมสิน เด้งรับไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท ขณะที่ ธอส. ประกาศตรึงดอกเบี้ยเงินกู้บ้านถึงสิ้นปี 2566
วันที่ 29 กันยายน 2566 นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รมช.คลัง กล่าวว่า ได้ขอให้ธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ (SFIs) ตรึงดอกเบี้ยเอาไว้ก่อน เพื่อช่วยบรรเทาภาระให้กับประชาชน ขณะที่ก่อนหน้านี้ที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับขึ้นดอกเบี้ยคราวที่แล้ว แบงก์พาณิชย์ก็ไม่ได้ขึ้นตาม ดังนั้น คงต้องดูสถานการณ์ก่อน
- “มะพร้าว” ราคาพุ่งเป็นประวัติการณ์ ลูกเดียว 65-80 บาท เกิดอะไรขึ้น?
- พระราชประวัติ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติฯ วันคล้ายวันประสูติ 29 เมษายน
- กองทุนประกัน อนุมัติจ่ายเงิน 7.29 พันล้าน มี.ค.-เม.ย. รับรองมูลหนี้เพิ่ม 560 ล้าน
“เราขอให้แบงก์รัฐตรึงไว้ก่อน ซึ่งคราวที่แล้วแบงก์พาณิชย์ก็ไม่ได้ขึ้นตาม ก็ต้องดูสถานการณ์ก่อน เพราะมีผลต่อความสามารถในการชำระของลูกค้า” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังกล่าว
นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่า ธนาคารออมสิน ได้รับนโยบายจากรัฐบาล ให้ตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ทั้ง 3 ประเภท (MLR, MOR, MRR) ไว้ในรอบนี้ แม้ว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% ไปอยู่ที่ 2.50% ก็ตาม
ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก จะปรับไปตามภาวะการแข่งขันในตลาด
“รัฐบาลประสานมาที่ออมสิน โดยเราจะตรึงดอกเบี้ยเงินกู้ ทั้ง 3 ตัว เพื่อช่วยคนฐานราก ซึ่งลูกค้าเงินกู้ของออมสิน มีอยู่ 6 ล้านราย” นานวิทัยกล่าว
ขณะที่นายกฤษณ์ เสสะเวช กรรมการธนาคาร และรักษาการกรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2566 มีมติให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี หรือจาก 2.25% ต่อปี เป็น 2.50% ต่อปี ธอส. ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ที่มีพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” พร้อมตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ไว้ในระดับปัจจุบันต่อไปจนถึงสิ้นปี 2566
ซึ่งจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการชำระเงินงวดตามนโยบายรัฐบาลให้กับลูกค้าเงินกู้ในปัจจุบันของธนาคารที่มีอยู่จำนวน 1.79 ล้านบัญชี คิดเป็นวงเงินสินเชื่อคงค้างมากกว่า 1.66 ล้านล้านบาท และได้มีเวลาในการปรับตัวรับกับภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น