นักวิเคราะห์ลุ้น “ต่างชาติ” หวนซื้อหุ้นไทย Q4 หลังขายไปกว่า 1.6 แสนล้าน

คนรุ่นใหม่เทรดหุ้น

นักวิเคราะห์ “บล.เอเซีย พลัส” ลุ้น “ต่างชาติ” หวนซื้อหุ้นไทยช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ ตามสถิติย้อนหลังปี’63-65 ที่กลับมาซื้อสุทธิ 3.1 หมื่นล้านบาท แม้ตอนนี้ขายไปกว่า 1.6 แสนล้าน ให้เป้าดัชนี 1,524 จุด ปีหน้า 1,717 จุด

วันที่ 5 ตุลาคม 2566 นายภราดร เตียรณปราโมทย์ รองผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด เปิดเผยว่า สถานการณ์เม็ดเงินลงทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) นับจากต้นปีถึงปัจจุบันพบว่ามีการไหลออกจากตลาดการเงินไทยไปแล้วกว่า 300,000 ล้านบาท แยกเป็นฟันด์โฟลว์ไหลออกจากตลาดตราสารหนี้ไทย 1.4 แสนล้านบาท และตลาดหุ้นไทย 1.6 แสนล้านบาท จนเหลือสัดส่วนการถือครองทางตรงในหุ้นไทย ต่ำลงเหลือเพียง 18% และถือผ่าน NVDR อีกสัดส่วน 5-6%

ทั้งนี้ประเมินช่วงแรกของไตรมาส 4 ปี 2566 ฟันด์โฟลว์น่าจะมีความผันผวนอยู่ตามช่วงการปรับพอร์ตตามบอนด์ยีลด์สหรัฐที่ขยับมาแรง แต่หลังจากนั้นหากเริ่มเห็นสัญญาณบอนด์ยีลด์ระยะยาวสูงกว่าระยะสั้น หรือมี gap เข้าใกล้กันมากขึ้น จะทำให้ความผันผวนลดลงได้

เพราะด้วยสุขภาพของตลาดหุ้นไทยที่มีความแข็งแรง จากการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ครึ่งปีหลังจะเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก หรือจะเห็นกว่า 5 แสนล้านบาท (กำไรครึ่งปีแรก 4.9 แสนล้านบาท เติบโต 22%) โดยประเมินกำไร บจ.ปีนี้ 1.09 ล้านล้านบาท ฉะนั้นจะชักจูงให้ต่างชาติกลับมาซื้อหุ้นไทยมากขึ้น

ลุ้น Q4 ต่างชาติหวนซื้อหุ้นไทย

ประกอบกับตามสถิติจะพบว่าฟันด์โฟลว์มักจะไหลเข้าตลาดหุ้นไทยช่วงไตรมาส 4 ของทุกปี นับตั้งแต่ปี 2563-2565 โดยเฉลี่ยประมาณ 3.1 หมื่นล้านบาท เช่นเดียวกับตลาดตราสารหนี้ โดยเฉลี่ยประมาณ 7.8 หมื่นล้านบาท

“เราเชื่อว่าฟันด์โฟลว์อาจจะมีสะดุดแค่สั้น ๆ และหลังจากนั้นมีโอกาสจะไหลกลับเข้ามา และทั้งนี้ตามสถิติของตลาดหุ้นไทย มักถูกกดดันในเดือน ก.ย. ของทุกปี โดยปีนี้ติดลบไป 6.04% และจะฟื้นตัวได้ในช่วงไตรมาส 4” นายภราดรกล่าว

โดยประเมินกรอบเป้าหมายดัชนี SET Index ปีนี้ไว้ที่ 1,524 จุด ส่วนปีหน้าประเมินไว้ที่ 1,717 จุด

นับจากต้นปี “หุ้นไทย” ติดลบ 13% บาทอ่อน

นางสาวปวริศา เลิศกิจคุณานนท์ รองผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า นับจากต้นปีจนถึงราคาปิดเมื่อ 3 ต.ค. ดัชนี SET Index ปรับตัวลงหนัก 13% ค่อนข้างดิ่งหนักกว่าตลาดอินโดนีเซียและฟิลลิปปินส์ และ MSCI Emerging สอดคล้องทิศทางค่าเงินบาทที่ทำระดับอ่อนค่าขึ้นไปแตะบริเวณ 37 บาท

โดยรอบนี้มองว่าค่าเงินบาทจะเกิดการแข็งค่าสั้น ๆ กลับมาได้ อยู่ที่บริเวณ 35.50-36 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสะท้อนฟันด์โฟลว์มีการไหลกลับเข้ามได้ในช่วงไตรมาส 4 แต่อย่างไรก็ตามภาพโดยรวมของเงินบาทยังไม่มีการสะท้อนถึงมุมมองจะเห็นระยะของการแข็งค่าแบบต่อเนื่อง หรือทดสอบบริเวณ 34 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ และโอกาสที่เงินบาทจะขึ้นไปแตะบริเวณ 38.50 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ที่เคยขึ้นไปทดสอบเมื่อเดือน ก.ย. 2565 ซึ่งมีส่วนทำให้ฟันด์โฟลว์ยังไม่นิ่งที่จะเกิดการไหลกลับ

“ประเมินอัพไซด์ตลาดหุ้นไทย อาจจะไม่ได้เปิดกว้างมากสำหรับ SET ในเดือน ต.ค. แต่ก็มองว่าดาวน์ไซด์จำกัด น่าจะทำฐาน และรอฟื้น โดยมีอัพไซด์อยู่ที่ประมาณ 1,500 จุด และ 1,520 จุด  ส่วนแนวรับบริเวณ 1,430-1,435 จุด

ทั้งนี้เนื่องจากตลาดค่อนข้างเปราะบางมาก ถ้าเปลี่ยนเทรนด์ SET หลุดต่ำกว่า 1,430 จุด ลงไปอีก ภาพจะไม่ค่อยดี จะเห็น SET ไปกองรออยู่ที่บริเวณ 1,400 จุด แต่อย่างไรก็ตามจากมุมมองตรงนี้คาดว่า SET น่าจะยืนอยู่ และสามารถรีบาวนด์กลับขึ้นไปได้บริเวณ 1,500-1,525 จุด”

ดังนั้นเชื่อว่าไตรมาส 4 ตลาดหุ้นไทยน่าจะสดใสขึ้น จากที่ขุ่นมัวมามากในเดือน ก.ย. ปรับตัวลงมา 100 จุด น่าจะเห็นระยะที่เปิดต่ำไปเรียบร้อยแล้วในเดือน ต.ค. น่าจะลุ้นของการฟื้นตัวต่อจากนี้ได้  และจะทำให้ภาพไตรมาส 4 กลับมาสดใสเพิ่มมากขึ้น