KCC ออกหุ้นกู้อายุ 2 ปี ดอกเบี้ย 6.25% ต่อปี วงเงิน 400 ล้านบาท

ทวี กุลเลิศประเสริฐ

บริษัท บริหารสินทรัพย์ ไนท คลับ แคปปิตอล หรือ KCC เสนอขายหุ้นกู้อายุ 2 ปี ดอกเบี้ยคงที่ 6.25% ต่อปี วงเงิน 400 ล้านบาท จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือนให้กับนักลงทุนสถาบัน-รายใหญ่พิเศษ โดยนำเงินชำระหุ้นกู้เดิมครบกำหนด-ขยายธุรกิจในปี’67

วันที่ 12 ตุลาคม 2566 นายทวี กุลเลิศประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริหารสินทรัพย์ ไนท คลับ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ KCC ผู้ดำเนินธุรกิจจัดหาและบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพและธุรกิจบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขายและการปรับปรุงทรัพย์สินรอการขายเพื่อจำหน่าย เปิดเผยว่า ล่าสุดบริษัทได้ดำเนินการออกและเสนอขายหุ้นกู้วงเงิน 400 ล้านบาท ให้กับผู้ลงทุนสถาบัน ผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษ และหรือผู้ลงทุนรายใหญ่ โดยหุ้นกู้มีอายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 6.25% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยให้กับผู้ลงทุนทุก ๆ 3 เดือน

“หุ้นกู้ที่ออกและเสนอขายครั้งนี้วงเงิน 400 ล้านบาท อยู่ภายใต้วงเงินที่บริษัทได้ขออนุมัติผู้ถือหุ้นในการประชุมสามัญประจำปี 2566 ที่ขอวงเงินไว้ 2,000 ล้านบาท โดยเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ครั้งนี้จะนำไปชำระหนี้หุ้นกู้ชุดเดิมที่ครบกำหนดวงเงิน 350 ล้านบาทในเดือนนี้ ส่วนเงินที่เหลือจะนำไปลงทุนซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพประเภทสินเชื่อธุรกิจและสินเชื่อที่อยู่อาศัยและเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนวียนในการดำเนินธุรกิจภายในปี 2567” นายทวีกล่าว

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการดําเนินการตามแผนการปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการ โดยจะจัดตั้งบริษัทโฮลดิ้งเข้าจดทะเบียนเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai แทนหุ้นสามัญของบริษัท ซึ่งจะถูกเพิกถอนออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในเวลาเดียวกัน ซึ่งปัจจุบันที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2566 เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2566 ได้มีมติอนุมัติแผนปรับโครงสร้างแล้ว

นายทวีกล่าวว่า ในส่วนของผลดำเนินงานถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายและแผนการที่วางไว้ โดยสำหรับงวด 6 เดือนของปี 2566 รายได้จากการดำเนินงานของบริษัท เท่ากับ 86.14 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่มาจาก 2 ธุรกิจหลักได้แก่

1.ธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (NPLs)

2.ธุรกิจบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขาย (NPAs) สำหรับงวด 6 เดือน ของปี 2566 บริษัทมีรายได้จาก 2 ธุรกิจหลัก จำนวน 78.70 ล้านบาท และ 7.14 ล้านบาท หรือคิดเป็น 91.36% และ 8.29% ของรายได้จากการดำเนินงานทั้งหมด และส่วนที่เหลือเป็นรายได้จากการดำเนินงานอื่นที่ส่วนใหญ่มาจากดอกเบี้ยรับเงินฝากธนาคารและรายได้อื่น ๆ