ธุรกิจ SMEs ที่ไร้รอยต่อ และดีต่อโลก เพื่อมัดใจลูกค้ายุคนี้

SMEs
คอลัมน์ : Smart SMEs
ผู้เขียน : finbiz by ttb

ในยุคนี้ที่เทคโนโลยีกำลังก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ผู้ประกอบการ SMEs จะใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยธุรกิจและโลกให้ก้าวหน้าควบคู่ไปกับความยั่งยืนได้อย่างไร finbiz by ttb จะมายกตัวอย่างดี ๆ ที่ทำได้จริง เพื่อเป็นแนวคิดให้ผู้ประกอบการนำไปพิจารณา

ปัจจุบัน เทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามามีบทบาทสำคัญในการดำเนินธุรกิจ เพราะผู้บริโภคส่วนใหญ่อยู่ทั้งบนโลกจริง และโลกเสมือน

ดังนั้นก่อนที่จะตัดสินใจซื้อสินค้า หรือบริการ ผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยมีการเปรียบเทียบราคา คุณภาพ และงานบริการ ทั้งจากหน้าร้านออนไลน์บนโลกจริง และทั้งหน้าร้านบนโลกออนไลน์ ทำให้ผู้ประกอบการจะต้องพิจารณาถึงการมีตัวตนอยู่บนทุก ๆ ที่ ที่ลูกค้าไปสัมผัส

โดยอีกปัจจัยที่เพิ่มขึ้นมาของผู้บริโภคในยุคนี้ ยังเกี่ยวข้องกับความยั่งยืนอีกด้วย หากธุรกิจมีสินค้าที่ต้องการ ในราคาที่น่าพอใจ แต่ดำเนินธุรกิจในลักษณะที่ไม่รักษ์โลกและสิ่งแวดล้อม ลูกค้าก็พร้อมที่จะจ่ายเงินที่แพงกว่า ให้กับคู่แข่งที่ดูแลโลกได้เป็นอย่างดี

ไม่ว่าลูกค้าจะอยู่ไหน ก็ต้องสัมผัสเราได้ สามารถเป็นธุรกิจที่ไร้รอยต่อ สัมผัสได้ง่าย ได้ด้วยเทคนิคต่อไปนี้

1) ลูกค้าไปไหน…เราไปด้วย (Be Where the Customer is) เมื่อพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป จากที่เคยชอบเดินช็อปปิ้งที่ห้างสรรพสินค้า และเลือกซื้อได้เลย กลายเป็นชอบไปเดินดูสินค้าที่ห้าง และกลับมาเทียบราคาใน e-Market Place ตรวจสอบสเป็กจากหน้าเว็บไซต์ของร้านค้า

และกลับไปที่ห้าง แล้วค่อยตัดสินใจซื้อบนช่องทางที่เลือก ธุรกิจจึงจำเป็นต้องอยู่ทุกที่เพื่อให้ลูกค้ามีโอกาสได้เปรียบเทียบสินค้าและราคา เมื่อลูกค้าตัดสินใจจะซื้อ ต้องสามารถทำได้เลย ทำได้ง่าย และรวดเร็วทันใจ

2) ยกระดับประสบการณ์ (Seamless Experience) ทำให้ลูกค้าประทับใจ ต่อเนื่องจากข้อ 1) ยกตัวอย่างแบรนด์ร้านขายสินค้าความงามรายหนึ่งที่มีความโดดเด่นในการทำ Omni-Channel Marketing ด้วยการใช้การเชื่อมต่อทุกช่องทางทั้งออฟไลน์และออนไลน์ เพราะทุกช่องทางมีบทบาทที่แตกต่าง อาทิ ในเว็บไซต์มีแนะนำสาขาใกล้บ้าน

ส่วนลูกค้าที่ไปหน้าร้านก็จะมี QR Code เชื่อมต่อเข้าช่องทางออนไลน์ เพื่อเติมเต็มประสบการณ์ สร้างคอมมิวนิตี้ อัพเดตข้อมูลแบบ Personalized Experience และทุกช่องทางจะต้องเชื่อมกันแบบไร้อุปสรรค หรือรอยต่อใด ๆ

โดยต้องตระหนักถึงเส้นทางการเลือกซื้อของลูกค้า ไปจนถึงการสร้างความประทับใจจนลูกค้าต้องบอกต่อ โดยเริ่มจากการทำให้ลูกค้าเห็นบ่อย ๆ สร้างสิ่งที่ดึงดูดใจลูกค้าเป้าหมาย สร้างข้อมูลที่มากพอให้ลูกค้าสามารถหาข้อมูลจากช่องทางต่าง ๆ ได้ง่าย กระตุ้นให้การตัดสินใจซื้อเกิดขึ้นโดยง่าย ซึ่งรวมไปถึงช่องทางการขายที่ครบถ้วน ความประทับใจนี้จะถูกบอกต่อไปยังลูกค้าคนต่อ ๆ ไป

3) สร้างคอนเทนต์โดน + ให้จดจำ (Content with Impact) คอนเทนต์ต้องโดน แตกต่าง และสร้างความจดจำให้ได้ภายใต้กฎ 3S คือ Speed, Shape และ Stand-out ผู้บริโภคเข้าใจได้เร็วภายใน 1-2 วินาที สั้น ๆ แต่ได้ใจความ คม และตรงประเด็น ใช้อารมณ์ร่วมให้เป็นประโยชน์

เทคนิค 3 ข้อนี้จะทำให้ธุรกิจเป็นพวกเดียวกับลูกค้าได้อย่างง่ายดาย เป็นเสมือนเพื่อน และแบรนด์ในดวงใจของลูกค้า แต่หากไม่ได้เป็นธุรกิจที่รักษ์โลก ไม่ค่อยมีจริยธรรม ความมีเสน่ห์และน่าหลงใหลของแบรนด์จะลดลงทันที เพราะลูกค้าในยุคนี้คำนึงถึงโลกและสังคม สภาวะแวดล้อม สิ่งแวดล้อม สังคมที่ดี และความมีจริยธรรมเป็นที่ตั้ง

ธุรกิจที่ดีต่อโลก จะเป็นแบรนด์ที่ลูกค้ารัก และเลือกซื้อ

การดำเนินธุรกิจตามแนวคิด ESG นั้น มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นโอกาสในการสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน ดึงดูดลูกค้าและนักลงทุน รวมถึงสร้างชื่อเสียงที่ดีให้กับองค์กร ธุรกิจที่ยั่งยืนจึงต้องมีระบบธุรกิจที่ดีและต้องตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) เพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับทั้งธุรกิจและโลก

การลงทุนเพื่อความยั่งยืนจะได้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวและยั่งยืนกว่า ในขณะเดียวกัน ธุรกิจที่ประกอบกิจการโดยคำนึงถึงความยั่งยืนจะได้รับการสนับสนุนจากทั้งผู้บริโภค และจะได้รับการสนับสนุนจากสถาบันทางการเงินได้ง่ายกว่าธุรกิจที่ไม่คำนึงถึงความยั่งยืน

ปัจจุบันสถาบันทางการเงิน ให้ความสำคัญกับการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อความยั่งยืน มีผลิตภัณฑ์และบริการสินเชื่อที่เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจตามแนวคิด ESG เช่น สินเชื่อสีเขียว สินเชื่อเพื่อสังคม และสินเชื่อเพื่อสิ่งแวดล้อมต่าง ๆรายย่อย

ในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผู้บริโภคมีความต้องการที่หลากหลายและคาดหวังมากขึ้น ธุรกิจที่ไร้รอยต่อและดีต่อโลก คือ ธุรกิจที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างครบถ้วนและยั่งยืน จึงเป็นโอกาสที่ผู้ประกอบการต้องคว้าไว้