“ดอลลาร์ทรงตัว ขณะสงครามการค้า จีน-สหรัฐ ยังคงยืดเยื้อ”

แฟ้มภาพ
ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า ภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันพุธที่ 15 พฤษภาคม 2562 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (15/5) ที่ระดับ 31.49/51 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ทรงตัวจากระดับปิดตลาดในวันอังคาร (14/5) ที่ระดับ 31.49/51 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ โดยวานนี้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐยืนยันว่าการเจรจาการค้ากับจีนยังไม่ประสบความล้มเหลว และเขาระบุว่าสงครามภาษีศุลกากรที่ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นถือเป็น “การทะเลาะกันเล็กน้อย” ซึ่งเขาคาดการณ์ในเชิงบวกด้วยว่า จะมีการบรรลุข้อตกลงการค้ากับจีนในอนาคต ขณะเดียวกันนายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์คกล่าวว่า มาตรการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนจะทำให้อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐเพิ่มขึ้น และอาจทำให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจลดลง

ทั้งนี้กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ราคานำเข้าขยับขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือน เม.ย. เนื่องจากราคานำเข้าสินค้าทุนดิ่งลง 0.4% ในเดือน เม.ย. ซึ่งถือเป็นการดิ่งลงครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 10 ปี และเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้ออาจจะยังคงอยู่ในระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง ขณะที่ราคาส่งออกในเดือน เม.ย.ปรับขึ้น 0.2% เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากปรับขึ้น 0.6% ในเดือน มี.ค. โดยราคาส่งออกสินค้าเกษตรดิ่งลง 1.5% แต่ราคาส่งออกสินค้านอกภาคเกษตรปรับขึ้น 0.4% ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 31.48-31.60 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 31.57/59 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโร ค่าเงินยูโรเปิดตลาดเช้าวันนี้ (15/5) ที่ระดับ 1.1206/08 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ปรับตัวอ่อนค่าลงจากระดับปิดตลาดเมื่อวันอังคาร (14/5) ที่ระดับ 1.1238/40 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงหลังจากนายมัตเตโอ ซาลวินี รองนายกรัฐมนตรีอิตาลีกล่าวว่า อิตาลีพร้อมที่จะฝ่าฝืนกฎงบประมาณของสหภาพยุโรป (EU) ในเรื่องระดับหนี้สิน ถ้าหากการทำเช่นนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการกระตุ้นการจ้างงาน โดยเจ้าหน้าที่สหภาพยุโรปกล่าวว่า ฐานะการคลังที่ตกต่ำลงของรัฐบาลอิตาลีจะส่งผลให้อิตาลีฝ่าฝืนกฎของสหภาพยุโรปในปีนี้ และปีหน้า นอกจากว่ารัฐบาลอิตาลีจะปรับเปลี่ยนนโยบายของตนเอง ถ้าหาก EU เลือกใช้วิธีการแบบแข็งกร้าว ก็จะดำเนินขั้นตอนทางวินัยต่ออิตาลี และอาจจะสั่งปรับอิตาลี ทั้งนี้ EC จะออกรายงานเรื่องการคลังอิตาลีในวันที่ 5 มิ.ย. และอาจจะเรียกร้องให้มีการดำเนินการทางวินัย โดยการตัดสินใจขั้นสุดท้ายในเรื่องนี้จะขึ้นอยู่กับนายฌอง-คล็อด ยุงเกอร์ ประธาน EC

ขณะเดียวกันตลาดมีความวิตกกังวลว่าสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐ-อาจแผ่ขยายมายังทวีปยุโรปด้วย ซึ่งล่าสุดกรรมาธิการยุโรปได้เปิดเผยว่า EU กำลังทำการสรุปรายการสินค้าของสหรัฐที่ EU จะเก็บภาษีตอบโต้ในกรณีที่สหรัฐสั่งเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์จากยุโรป ซึ่งคาดว่าประธานาธิบดีทรัมป์จะทำการตัดสินใจในวันที่ 18 พ.ค. ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.1196-1.1221 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.1208/11 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยน ค่าเงินเยนเปิดตลาดเช้าวันนี้ (15/5) ที่ระดับ 109.61/63 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากระดับปิดตลาดเมื่อวันอังคาร (14/5) ที่ระดับ 109.68/70 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินเยนยังคงได้รับแรงสนับสนุนจากสภาวะสงครามการค้าที่ยังรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้นักลงทุนเพิ่มการถือครองสกุลเงินเยนในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ทั้งนี้ ระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 109.38-109.70 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 109.44/47 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ

ดัชนีสำคัญทางเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ยอดค้าปลีกเดือน เม.ย. (15/5) ดัชนีภาคการผลิตเดือน พ.ค.จากเฟดนิวยอร์ก (15/5) การผลิคภาคอุตสาหกรรมเดือน เม.ย. (15/5) สต็อกสินค้าภาคธุรกิจเดือน มี.ค. (15/5) จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ (16/5) ดัชนีการผลิตเดือน พ.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย (16/5) ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือน เม.ย. จาก Conference Board (17/5) ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน พ.ค. จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน (17/5)

สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -2.4/-2.3 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยงภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ -4.0/-2.5 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ