แบงก์ชี้ “รัสเซีย-ยูเครน” กดดันสกุลเงินตลาดเกิดใหม่ หนุนเงินบาทแข็งค่าสุดในภูมิภาค

เงินบาท ดอลลาร์

แบงก์ประเมินกรอบเงินบาทเคลื่อนไหว 32.20-32.90 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าสุดในภูมิภาค เกาะติด “สงครามรัสเซียและยูเครน-ท่าทีการตอบโต้จากชาติตะวันตก-ถ้อยแถลงประธานเฟดต่อสภา ต่อทิศทางนโยบายการเงิน-เงินเฟ้อ” คาดกระแสฟันด์โฟลว์ชะลอลง

วันที่ 27 กุมภาพันธุ 2565 นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า กรอบเงินบาทสัปดาห์หน้า (วันที่ 28 กุมภาพันธ์ – 4 มีนาคม 65) เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 32.20-32.90 บาทต่อดอลลาร์ โดยปัจจัยที่ต้องติดตามยังคงเป็นประเด็นสงครามความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ซึ่งจะมีผลต่อตลาดการเงินพอสมควร

โดยจะต้องติดตามรอดูมาตรการคว่ำบาตรของยุโรปต่อรัสเซียจะมีความรุนแรงขนาดไหน เช่น การลดนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย หรือการตัดระบบการชำระเงินระหว่างประเทศ (Swift) ของรัสเซียออกจากระบบในกลุ่ม เพื่อหยุดสงครามหรือยูเครนที่พยายามยืดสงครามออกไป ทำให้โอกาสเห็นสกุลเงินดอลลาร์ปรับตัวแข็งค่าขึ้นได้อีก

ขณะเดียว สิ่งที่ตลาดจะต้องกลับมาโฟกัสเพิ่มเติม คือ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะมีการแถลงการณ์ต่อสภาครองเกรส โดยตลาดรอฟังคำแถลงการณ์ต่อสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน และผลต่อเศรษฐกิจ ทิศทางนโยบายการเงิน และแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งตลอดสัปดาห์จะมีเจ้าหน้าที่ออกแถลงการณ์ก่อนจะมีการประชุมเฟดในวันที่ 14-15 มีนาคมนี้ ซึ่งเป็นตลาดที่ไม่ควรมองข้าม รวมถึงการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐ และจีนในเดือนกุมภาพันธ์ด้วย

“ในช่วงสัปดาห์หน้าจะเห็นภาพตลาดผันผวนค่อนข้างหนัก โดยโทนตลาดจะเป็นการเปิดรับความเสี่ยง ซึ่งจะเห็นดัชนีเงินดอลลาร์ปรับตัวสูงขึ้นได้ รวมถึงตลาดจะโฟกัสท่าทีประธานเฟดที่จะออกมาพูดถึงนโยบายการเงินไปในทิศทางไหนด้วย”

สำหรับสถานการณ์กระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย (ฟันด์โฟลว์) ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่า ตลาดหุ้นซื้อสุทธิราว 3,850 ล้านบาท ส่วนตลาดพันธบัตร (บอนด์) ซื้อสุทธิราว 15,500 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่จะเน้นเข้าซื้อพันธบัตรตัวสั้น ซึ่งเป็นสัญญาณการเก็งกำไรบาทอ่อน และรวมถึงการเข้ามาทำกำไรจากส่วนต่างธุรกรรม Swap FX บางส่วน

ส่วนทิศทางฟันด์โฟลว์ในช่วงสัปดาห์หน้า ประเมินว่า ภาพรวมจะเห็นเงินทุนไหลเข้าบ้างเล็กน้อย โดยตลาดหุ้นจะเห็นแรงซื้อเบาบาง แต่หากกรณีสงครามรัสเซียและยูเครนรุนแรงขึ้น เขื่อว่าคงเห็นแรงเทขายทำกำไรได้แต่ไม่หนักมาก เช่นเดียวกับตลาดบอนด์เห็นการซื้อได้ แต่ส่วนใหญ่จะรอดูทิศทางการประชุมเฟดก่อน เนื่องจากไทยมีสัดส่วนนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียค่อนข้างน้อยประมาณ 2% แม้เงินเฟ้อจะเร่งสูงขึ้น แต่เชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (RP) ไว้ที่ระดับเดิม

นางสาวรุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการสายงานวางแผนโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า กรอบเคลื่อนไหวในสัปดาห์หน้าอยู่ที่ 32.25-32.85 บาทต่อดอลลาร์ โดยเงินบาทยังคงแข็งค่ามากสุดในกลุ่ม โดยได้แรงหนุนจากการผ่อนปรนเกณฑ์รับผู้เดินทางเข้าไทย อย่างไรก็ดี ประเด็นรัสเซียกดดันสกุลเงินตลาดเกิดใหม่และสินทรัพย์เสี่ยง

ทั้งนี้ ประเด็นที่ติดตามยังคงเป็นสถานการณ์ความตึงเครียดในยูเครน และการตอบโต้เพิ่มเติมจากชาติตะวันตก รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจ เช่น ข้อมูลจ้างงานเดือน ก.พ. ของสหรัฐซึ่งมีการคาดการณ์อยู่ที่ 4 แสนตำแหน่ง ตลอดจนประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะมีแถลงต่อสภา ในวันที่ 2-3 มี.ค.นี้

“กระแสเงินทุนไหลเข้าเริ่มมีสัญญาณแผ่ว ท่ามกลางความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ และตลาดจะจับตาจังหวะคุมเข้มนโยบายของเฟดต่อไปท่ามกลางราคาพลังงานที่สูงขึ้นและเงินเฟ้ออาจสูงนานกว่าที่เคยประเมินไว้”