บอร์ดที่ราชพัสดุเห็นชอบ “วงษ์สยามฯ” ชนะประมูลโครงการท่อส่งน้ำ

รมช.คลัง เผยบอร์ดที่ราชพัสดุมีมติ 6 ต่อ 2 เห็นชอบ “วงษ์สยามฯ” ชนะประมูลโครงการท่อส่งน้ำภาคตะวันออก ให้ผลตอบแทนรัฐสูงสุด 2.56 หมื่นล้านบาท คาดเดินหน้าเซ็นสัญญาแล้วเสร็จภายใน 3-4 เดือน

วันที่ 14 มีนาคม 2565 นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการที่ราชพัสดุ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการที่ราชพัสดุ เพื่อพิจารณาทบทวนมติ เรื่อง การพิจารณาให้ความเห็นชอบการดำเนินการผลการคัดเลือกเอกชน โครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก ว่า

ที่ประชุมมีมติ 6 ต่อ 2 รับรองผลการประมูลโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก ครั้งที่ 2 ซึ่ง บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด เป็นผู้ชนะการประมูล

“วันนี้มีคณะกรรมการที่ราชพัสดุเข้าร่วม 9 คน จากคณะกรรมทั้งหมด 12 คน โดยคณะกรรมการ 6 คนมีมติเห็นชอบรับรองผลการประมูลโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก ครั้งที่ 2 ซึ่ง บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด เป็นผู้ชนะการประมูล ขณะที่คณะกรรมการอีก 2 คน ให้รอคำพิพากษาของศาลปกครอง และอีก 1 คนงดออกเสียง ส่วนคณะกรรมการอีก 3 คนไม่เข้าร่วมประชุม”

ส่วนขั้นตอนต่อไป นายประภาศ คงเอียด อธิบดีกรมธนารักษ์ ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการที่ราชพัสดุ จะเป็นผู้เข้าไปดำเนินการเซ็นสัญญากับบริษัทที่ได้รับคัดเลือกในการประมูล ซึ่งผู้ชนะการประมูลให้ผลประโยชน์ตอบแทนให้ภาครัฐสูงสุด เป็นเงิน 25,693 ล้านบาท ตลอดอายุสัญญา 30 ปี หรือ คิดเป็น 27% ของค่าน้ำที่บริษัทผู้ถือสัมปทานขายให้เอกชน ที่ 10.98 บาทต่อหน่วย

โดยคาดว่าหากไม่มีอุปสรรคใดๆ เกิดขึ้น จะสามารถเซ็นสัญญาร่วมกันได้ภายใน 3-4 เดือนนับจากนี้ เพื่อเป็นการเตรียมตัวหาผู้ดำเนินการต่อก่อนครบอายุสัมปทานเดิม ที่จะสิ้นสุดในปี 2566

อย่างไรก็ดี ก่อนการลงมติ ฝ่ายเลขาธิการ หรือกรมธนารักษ์ ได้อธิบายในประเด็นต่าง ๆ ทั้งผลการดำเนินการในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา ซึ่ง บมจ.จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก (EASTW) หรือ อีสท์วอเตอร์ เป็นผู้ได้รับสัมปทาน

โดยรัฐได้รับผลประโยชน์จากปี 2537 ถึงปัจจุบันปี 2565 อยู่ที่ 552 ล้านบาท และจะสิ้นสุดสัญญาสัมปทานในปี 2566 ทั้งนี้ กฎหมายได้กำหนดให้กรมธนารักษ์สามารถเปิดประมูลได้ก่อนสิ้นสุดอายุสัมปทาน 2 ปี เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการดำเนินโครงการ

“กรมธนารักษ์ได้ยืนยันตามที่คณะกรรมการได้ถามย้ำถึงการดำเนินการว่าเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมายที่ราชพัสดุ 100% หรือไม่ จึงได้ลงมติ และผลออกมาคือเสียงส่วนใหญ่ 6 เสียงเห็นชอบรับรองผลการประมูลครั้งที่ 2 ส่วนกรณีที่ผู้ไม่ชนะการประมูลไปยื่นเรื่องต่อศาลปกครองก็ถือเป็นสิทธิที่สามารถทำได้ เพราะกฎหมายเปิดช่องไว้ แต่ทางคณะกรรมการก็ต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศและรายได้ของรัฐเป็นหลัก และน้ำก็เป็นเหมือนลมหายใจของภาคตะวันออก ดังนั้นจึงต้องเปิดประมูลเพื่อหาผู้ดำเนินการต่อก่อนครบอายุสัมปทานเดิม” นายสันติ กล่าว

ทั้งนี้ สาเหตุที่มีการเปิดประมูลถึง 2 ครั้งนั้น ในการเปิดประมูลครั้งที่ 1 พบว่า TOR ไม่สมบูรณ์ จนไม่สามารถตัดสินอะไรได้ จึงต้องยกเลิกผลประมูล และต่อมาได้เปิดประมูลครั้งที่ 2 ซึ่งผู้ชนะในครั้งแรก ก็ได้เข้าประมูลด้วย แต่ผลชนะไปอยู่ที่ บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด ซึ่งให้ผลประโยชน์ตอบแทนให้ภาครัฐสูงสุด

“ช่วงเช้าก่อนการประชุม ทางอีสท์วอเตอร์ ได้ยื่นหนังสือ ที่ตั้งข้อสังเกต และขอความเป็นธรรมจากการยกเลิกผลการประมูลครั้งที่ 1 ซึ่งหนังสือดังกล่าว ได้มีการนำไปเปิดขึ้นจอภาพให้คณะกรรมการและผู้เข้าร่วมประชุมได้พิจารณาไปพร้อมกัน โดนยืนยันว่าทุกอย่างมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ” นายสันติ กล่าว