ประชาชนสงขลาขึ้นป้ายทวงอควาเรียม 10 ปียังไม่เสร็จ

ปัญหาความล่าช้าในการก่อสร้างโครงการสร้างศูนย์ศึกษาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทะเลสาบสงขลา ที่วิทยาลัยประมงติณสูลานนท์ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา หรืออควาเรียมหอยสังข์ ซึ่งเป็นโครงการของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2550 มีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2554 ในวงเงินประมาณ 800 ล้านบาท แต่จนถึงขณะนี้ปี 2561 การดำเนินการโครงการกลับยังไม่แล้วเสร็จทั้งยังมีรายงานใช้งบประมาณไปแล้วกว่า 1,000 ล้านบาท โดยขณะนี้ภาคประชาชนยังคงให้ความสนใจในการติดตามตรวจสอบปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด โดยได้จัดตั้งกลุ่มไลน์ขึ้นมาเพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของอควาเรียมหอยสังข์แห่งนี้อย่างใกล้ชิด เนื่องจากถือเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีของชาวสงขลา และเกรงจะกลายเป็นสุสานหอยสังข์พันล้านในพื้นที่

โดยในเช้าวันนี้ ตัวแทนเครือข่ายภาคประชาชน ทั้งเครือข่ายผู้ปกครอง เครือข่ายศิษย์เก่า วิทยาลัยประมงติณสูลานนท์ ได้ร่วมกันจัดทำแผนป้ายไวนิล ขนาด 1.20 เมตร X 2.40 เมตร จำนวน 3 แผ่นป้าย มีข้อความ หยุดโกง คนโกงต้องไม่มีที่ยืนในสังคม ไล่คนโกงออกไป เอาอควาเรียมคืนมา ภาครัฐอย่ากดดัน คนสงขลาให้ออกมาเคลื่อนไหว, เงินภาษีทุกบาท ต้องใช้จ่ายให้คุ้มค่าเกิดประโยชน์สูงสุด รัฐต้องจริงใจในการแก้ปัญหา เร่งหาคนผิดมาลงโทษ และนายกฯประยุทธ์รักคนสงขลา ต้องจัดงบเพิ่มเพื่อสร้างให้เสร็จ เพื่อศักดิ์ศรีคนสงขลา “อควาเรียมต้องสร้างให้เสร็จ” นายกประยุทธ์ จริงใจในการแก้ไขปัญหา ต้องส่ง รมต.ลงมาชี้แจงโดยด่วน

และได้ร่วมกันทำการติดตั้งเอาไว้ ที่ด้านหน้าทางเข้าวิทยาลัยประมงติณสูลานนท์ เพื่อต้องการทวงถามความรับผิดชอบในความล่าช้า ในการก่อสร้างโครงการอควาเรียมหอยสังข์ รวมถึงประเจตนารมณ์ของชาวสงขลา ที่ต้องการให้โครงการนี้ก่อสร้างให้แล้วเสร็จภายในปี 2562 และชี้แจงปัญหาความล่าช้า ว่ามาจากการทุจริตกันอย่างไรหรือไม่ โดยเร็วที่สุด

นาจกาจบัณฑิต รามมาก ประธานเครือข่ายผู้ปกครองวิทยาลัยประมงติณสูลานนท์ กล่าวว่า การขึ้นแผ่นป้ายในครั้งนี้เพื่อต้องการเรียกร้องความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นกับคนสงขลา การสร้างอควาเรียมมูลค่ากว่า 1,000 ล้าน กลับ มีการหมกเม็ด ไม่เคยมีการชี้แจงให้ชาวสงขลาทราบก่อน จึงต้องออกมาทวงถาม และเร่งรัดให้ก่อสร้างให้เสร็จ และในวันที่ 1 มีนาคมนี้ หากยังไม่มีการชี้แจงใดๆ ก็คงจะต้องระดมชาวสงขลาออกมาร่วมกันแสดงพลัง เคลื่อนไหวกันอีกครั้ง

 

ที่มา : มติชนออนไลน์