ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ระเบียบคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติว่าด้วยเงินค่าตอบแทนพิเศษของข้าราชการสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) รับอัตราค่าตอบแทนตั้งแต่ 6,000-33,000 บาท แต่ต้องผ่านเกณฑ์การประเมิน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2566 เป็นต้นไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2566 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ ระเบียบคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ว่าด้วยเงินค่าตอบแทนพิเศษของข้าราชการสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2566 ลงนามโดยนางสาวพรประไพ กาญจนรินทร์ ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
สำหรับสาระสำคัญของระเบียบฉบับนี้ระบุว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดให้มีระเบียบคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติว่าด้วยเงินค่าตอบแทนพิเศษของข้าราชการสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 49 (2) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2560 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติจึงออกระเบียบไว้ดังต่อไปนี้
ข้อ 1.ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติว่าด้วยเงินค่าตอบแทนพิเศษของข้าราชการสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2566”
ข้อ 2.ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2566 เป็นต้นไป
ข้อ 3.ให้ยกเลิกระเบียบคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติว่าด้วยเงินค่าตอบแทนพิเศษของข้าราชการสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2561
ข้อ 4.ในระเบียบนี้
“สำนักงาน” หมายความว่า สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
“เลขาธิการ” หมายความว่า เลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
“ข้าราชการ” หมายความว่า ข้าราชการสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
“คณะกรรมการกลั่นกรอง” หมายความว่า คณะกรรมการกลั่นกรองผลการประเมินการได้รับเงินค่าตอบแทนพิเศษสำหรับผู้ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมิน หรือผ่านเกณฑ์การประเมินแต่ได้รับเงินค่าตอบแทนพิเศษไม่เต็มอัตรา
ข้อ 5.ให้ข้าราชการได้รับเงินค่าตอบแทนพิเศษเป็นรายเดือนจากเงินงบประมาณรายจ่ายของสำนักงาน ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในระเบียบนี้
ข้อ 6.อัตราเงินค่าตอบแทนพิเศษของข้าราชการ ประเภท และระดับต่าง ๆ ให้เป็นไปตามบัญชีเงินค่าตอบแทนพิเศษของข้าราชการท้ายระเบียบนี้
ข้อ 7 ข้าราชการผู้จะได้รับเงินค่าตอบแทนพิเศษในเดือนใด ต้องมีผลการปฏิบัติราชการในเดือนนั้นตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการได้รับเงินค่าตอบแทนพิเศษตามแบบที่กำหนดไว้ท้ายระเบียบนี้ และต้องมีระยะเวลาปฏิบัติหน้าที่ราชการไม่น้อยกว่าสามในสี่ของจำนวนวันทำการในเดือนนั้น
ข้อ 8.หลักเกณฑ์ประเมินการได้รับเงินค่าตอบแทนพิเศษของข้าราชการตามข้อ ๗ มีดังนี้
(1) กรณีมีผลการประเมินตั้งแต่ร้อยละเจ็ดสิบขึ้นไป ให้ได้รับเงินค่าตอบแทนพิเศษเต็มอัตรา
(2) กรณีมีผลการประมินตั้งแต่ร้อยละหกสิบ แต่ไม่ถึงร้อยละเจ็ดสิบ ให้ได้รับเงินค่าตอบแทนพิเศษในสัดส่วนร้อยละห้าสิบ
(3) กรณีมีผลการประเมินต่ำกว่าร้อยละหกสิบ ถือว่าไม่ผ่านเกณฑ์ประเมินและไม่ได้รับเงินค่าตอบแทนพิเศษ
ข้อ 9.ข้าราชการผู้ใดขาดราชการหรือละทิ้งหน้าที่ราชการโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรในเดือนใด ห้ามมิให้จ่ายเงินค่าตอบแทนพิเศษสำหรับวันที่ขาดราชการ หรือละทิ้งหน้าที่ราชการดังกล่าว
ข้อ 10.กรณีมีภารกิจที่ต้องอยู่ปฏิบัติหน้าที่ราชการเร่งด่วน ข้าราชการผู้ใดไม่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ราชการตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ห้ามมิให้จ่ายเงินค่าตอบแทนพิเศษสำหรับวันที่ไม่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ราชการดังกล่าว
ข้อ 11.กรณีข้าราชการซึ่งดำรงตำแหน่งต่ำกว่าเลขาธิการ มีผลการประเมินไม่ถึงร้อยละเจ็ดสิบ ให้ผู้บังคับบัญชาชั้นต้นหรือชั้นเหนือขึ้นไป แล้วแต่กรณี ส่งเรื่องให้คณะกรรมการกลั่นกรองภายในสิบห้าวันนับแต่วันประเมิน
ข้อ 12.ให้สำนักงานแต่งตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองเพื่อพิจารณากลั่นกรองผลการประเมินการได้รับเงินคำตอบแทนพิเศษตามข้อ 11
ข้อ 13.ข้าราชการผู้ใดไม่ได้รับเงินค่าตอบแทนพิเศษ หรือได้รับเงินค่าตอบแทนพิเศษไม่เต็มอัตรา ให้ข้าราชการผู้นั้นมีสิทธิอุทธรณ์ตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
ส่วนในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาด คำวินิจฉัยของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติให้เป็นที่สุด