น้อง”ที่ดินพังงา”พบ น.1 ขอบคุณจี้คดีพี่ชาย “ศานิตย์” ชี้แม้จนท.รัฐผิดอาญา ตร.ทำคดีตรงไปตรงมา

เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) นายชัยณรงค์ อนุกูล น้องชาย นายธวัชชัย อนุกูล เจ้าหน้าที่ที่ดินพังงา ที่ถูกผู้อื่นทำให้ตายภายในห้องขังของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ภายหลังศาลมีคำสั่งให้ชันสูตรพลิกศพสาเหตุการเสียชีวิต เนื่องจากหลักฐานพบว่าถูกผู้อื่นทำให้ตาย เดินทางมาขอบคุณ พล.ต.ท. ศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ที่ได้เร่งรัดคดี รวมถึงจะเข้าปรึกษาหารือเรื่องคดีความว่า หลังจากนี้ครอบครัวของตนเอง จะสามารถทำอะไรเกี่ยวกับคดีได้บ้าง

นายชัยณรงค์กล่าวว่า ยอมรับว่ายังรู้สึกเป็นห่วงรูปคดีรวมถึงการติดตามตัวผู้ที่กระทำความผิด เพราะที่ผ่านมาดีเอสไอ และกระทรวงยุติธรรม ไม่เคยติดต่อสอบถามเรื่องใดจากตน รวมถึงไม่ให้ข้อมูลใดเมื่อร้องขอ

นายชัยณรงค์กล่าวอีกว่า ไม่มีหลักฐานใหม่เพิ่มเติม เพราะผลชันสูตรจากสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจก็บ่งชี้ชัดเจน อีกทั้งศาลยังมีคำสั่งคดี ว่ากรณีการเสียชีวิตของนายธวัชชัยเกิดจากการถูกผู้อื่นทำให้ตาย

ด้าน พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ขอพูดถึงรายละเอียดทางคดี เนื่องจากจะต้องดูสำนวนคดีจากอัยการ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ถูกส่งมายังตำรวจ แต่หากได้รับเอกสาร ขั้นตอนต่อไป จะต้องมีการสอบสวนหาผู้กระทำผิดตามขั้นตอนของกฏหมาย และในวันนี้เชิญ พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 และ พ.ต.อ.มานะ เผาะช่วย ผู้กำการสถานีตำรวจนครบาลทุ่งสองห้อง มาหารือ เพื่อให้คดีเกิดความชัดเจน โดยยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับประชาชนทุกคน และไม่หนักใจในการทำคดี ขอให้ทุกฝ่ายสบายใจได้ เพราะแม้จะมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง ตำรวจก็ต้องดำเนินคดีตรงไปตรงมาตามพยานหลักฐาน

สำหรับคดีนี้ศาลมีคำสั่งว่านายธวัชชัยถูกผู้อื่นทำให้ตาย ในขณะที่อยู่ในการควบคุม ของดีเอสไอ ฉะนั้นก็ถือว่าเจ้าหน้าที่รัฐมีความผิดทางอาญา หลังจากนี้จึงจะต้องสืบสวนว่าบุคคลใดที่เป็นผู้กระทำผิด โดยย้ำว่าเชื่อมั่นในตัวของผู้ใต้บังคับบัญชา และเชื่อมั่นว่าจะทำคดีอย่างตรงไปตรงมา พร้อมย้ำว่าคดีนี้ ไม่มีผู้มีอิทธิพลเข้ามาเกี่ยวข้องในการเสียชีวิตของนายธวัชชัย

อย่างไรก็ตาม พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวว่า ล่าสุด จะต้องรอสำนวนคดีที่ศาลจะส่งมาให้พนักงานอัยการ ก่อนส่งงกลับมายังตำรวจเพื่อให้ดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงให้ปรากฎและสามารถตอบสังคมได้

 

ที่มา : มติชนออนไลน์