“อ.ยักษ์” พร้อมกรมชลฯ สำรวจพื้นที่เกษตรได้รับผลกระทบจากผันน้ำถ้ำหลวงฯ

เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม นายวิวัฒน์ ศัลยกำธร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายเฉลิมเกียรติ คงวิเชียรวัฒน์ รองอธิบดีกรมชลประทาน ลงพื้นที่วนอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ตำบลโป่งผา อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เพื่อตรวจเส้นทางผันน้ำและพื้นที่การเกษตรที่ได้รับผลกระทบในการรับน้ำจากถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน โดยมีผู้แทนจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ผู้แทนจากหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้แทนจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เกษตรกร และชาวบ้านในพื้นที่ ร่วมให้การต้อนรับ

สำหรับแผนการฟื้นฟูระบบนิเวศและพื้นที่น้ำท่วมที่ได้รับผลกระทบจากการสูบน้ำและผันน้ำออกจากถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ของกรมชลประทาน ได้หารือร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เพื่อเตรียมบูรณาการโครงการอาคารบังคับน้ำขนาดเล็ก ทดแทนของเดิม โดยเตรียมทำการสำรวจและออกแบบในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม 2561 อีกทั้ง ยังได้เตรียมการสำรวจพื้นที่ในจุดต่างๆ เพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์ให้สวยงาม ส่งเสริมการทำการเกษตร และเตรียมพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกด้วย

ทั้งนี้ พื้นที่การเกษตรที่ได้รับผลกระทบจากการสูบน้ำออกจากถ้ำหลวง โดยมีปริมาณน้ำท่วมขังพื้นที่การเกษตรบริเวณบ้านหนองอ้อ ตำบลโป่งผา อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย จำนวน 300 ไร่ บ้านสันปูเลย ตำบลบ้านด้าย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย จำนวน 458 ไร่ ซึ่งน้ำท่วมสูงเฉลี่ย 50 เซนติเมตร คิดเป็นปริมาณน้ำในพื้นที่น้ำท่วมประมาณ 600,000 ลูกบาศก์เมตร ในส่วนการแก้ไขปัญหาระยะเร่งด่วน กรมชลประทานได้ใช้เครื่องสูบน้ำ ขนาด 12 นิ้ว จำนวน 1 เครื่อง ในอัตราการสูบปริมาณน้ำ 0.3 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อเร่งระบายน้ำ บรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านในเบื้องต้น โดยสูบลงสู่ลำน้ำมะซึ่งเป็นลำน้ำสาขาของลำน้ำรวกและสู่ลำน้ำโขงที่อำเภอเชียงแสน ต่อไป

หลังจากนั้น ลงพื้นที่เพื่อตรวจเส้นทางผันน้ำและสำรวจพื้นที่รับน้ำ โดยจุดที่ 1 บ้านสันปูเลย ตำบลโป่งผา อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย และจุดที่ 2 บ้านสันต้นธง ตำบลศรีดอนมูล อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ทั้งนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รองอธิบดีกรมชลประทาน และคณะ ได้ร่วมพูดคุยกับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจและร่วมหารือถึงแนวทางการเยียวยาร่วมกัน

 

 

ที่มา มติชนออนไลน์