ยอดตรวจ Rapid Antigen Test วันแรกทะลุเป้า พรุ่งนี้อีก 1,000 ราย

สปสช. Rapid Antigen Test

สปสช. เผยยอดตรวจ Rapid Antigen Test วันแรกพุ่งทะลุเป้า ประกาศรับตรวจเพิ่มวันพรุ่งนี้ (13 ก.ค.) อีก 1,000 คน พร้อมอธิบายวิธีใช้งาน

วันที่ 12 กรกฎาคม 2564 ข่าวสด รายงานว่า เมื่อเวลา 11.30 น. ที่ ศูนย์ราชการอาคารบี ลานจอดรถชั้น 5 นายอรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. ได้ให้สัมภาษณ์หลังจากได้ใช้การตรวจโควิดแบบ Rapid Antigen Test เป็นวันแรก

นายอรรถพรกล่าวว่า การตรวจโควิดแบบ Rapid Antigen Test ไม่ได้ยุ่งยาก ทำโดยผู้เชี่ยวชาญ นักเทคนิคการแพทย์จากมหาวิทยาลัยมหิดล นัดคนไข้ผ่าน การลงทะเบียนออนไลน์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแออัดมากขึ้น

วิธีการตรวจคือใช้ไม้พันสำลี มาแหย่เข้าไปในโพรงจมูก เพื่อเก็บสารคัดหลั่ง จากนั้นก็เอาสารคัดหลั่งมาแช่ไว้ในหลอดที่มีน้ำยาทางการแพทย์ ทิ้งไว้ประมาณ 2-3 นาที ก็เอาน้ำยานั้น มาหยดในแผ่นตรวจ ลักษณะจะคล้ายกับการตรวจตั้งครรภ์ ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที

ถ้าหากว่าขึ้นสีแดง ขีดเดียวนั่นหมายความว่าตัวเทสต์นั้นใช้งานได้ และไม่มีเชื้อ แต่ถ้าหากขึ้น 2 ขีด หมายความว่า ติดเชื้อ จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะติดต่อบุคคลคนนั้นให้มาตรวจแบบ Rt-pcr คือแหย่โพรงจมูกอีกครั้งเพื่อตรวจหาเชื้อเพื่อยืนยันผล

ซึ่งกระบวนการหลังจะใช้เวลา 12 ชั่วโมง โดยการตรวจแบบ Rapid Antigen Test จะมีผลความแม่นยำประมาณ 99 เปอร์เซ็นต์ วิธีนี้ใช้เวลาตรวจทั้งหมดประมาณ 30 นาที เป็นวิธีที่รู้ผลเร็ว ซึ่งถ้าหากติดก็จะได้รักษาได้เร็วขึ้น

“สปสช.ร่วมกับหลายหน่วยงาน เพื่อที่จะกระจายจุดตรวจให้กับประชาชน เราไม่อยากเห็นภาพที่คนไข้ต้องไปรอตรวจอย่างแออัด คนที่ไม่ติดก็จะติดไปด้วย โดยวันนี้ใช้เป็นวันแรก เมื่อคืนได้ออกแบบฟอร์มให้คนมาจองลงทะเบียน ยอดก็ทะลุไปประมาณ 700 คนแล้ว จริง ๆ ตอนแรกจะรับเพียงแค่ 500 คนเท่านั้นเพราะอยากจะทดสอบระบบ และไม่อยากให้คนไข้มาแออัด เราเลยแบ่งโดยช่วงเช้า 500 คน และช่วงบ่ายอีก 200 คน ซึ่งวันพรุ่งนี้ก็จะเปิดรับ 1,000 คน โดยวิธีนี้ทำให้แพทย์ทำงานเป็นระบบและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น”

ทั้งนี้ ชุดตรวจแบบ Rapid Antigen Test ไม่ใช่ชุดตรวจที่ให้ประชาชนไปตรวจเองที่บ้าน ชุดตรวจเร็วมีทั้งหมด 2 ชุด คือ ชุดที่ตรวจโดยผู้เชี่ยวชาญ และ ชุดตรวจที่ใช้ที่บ้าน ขั้นตอนก็อาจจะง่ายกว่า อาจจะใช้วิธีการตรวจน้ำลายแทน ด้วยความแม่นยำถ้าหากว่าทำตามที่เจ้าหน้าที่สอนอย่างถูกต้อง ก็จะมีควรแม่นยำสูง อย่างไรก็ตาม ความชัดเจนจะต้องรอกระทรวงสาธารณสุข แถลงความชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง