เปิดไทม์ไลน์เสียชีวิตจากโอมิครอน 2 รายในไทย

โควิด

สธ. เผยไทม์ไลน์ การเสียชีวิตของผู้ป่วยโควิด-19 จากสายพันธุ์โอมิครอน 2 รายในไทย

วันที่ 17 มกราคม 2565 นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค แถลงรายงานสถานการณ์โรคโควิด-19 ในประเทศไทย ว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น 6,929 ราย เสียชีวิต 13 คน โดยมีผู้เสียชีวิต 2 ราย ที่ยืนยันว่าเป็นสายพันธุ์โอมิครอน และมีรายละเอียด การเสียชีวิตดังนี้

เสียชีวิตจากโอมิครอน รายแรก

นพ.เฉวตสรร เปิดเผยว่า ผู้เสียชีวิตรายที่ 1 อยู่ จ.สงขลา เป็นหญิงไทย อายุ 86 ปี เป็นผู้ป่วยติดเตียงและอัลไซเมอร์ ได้รับวัคซีนไฟเซอร์ 2 เข็ม มีประวัติเสี่ยง คือ หลานชายที่เดินทางกลับมาจาก จ.ภูเก็ต เป็นผู้ป่วยยืนยันโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนแพร่เชื้อให้แก่คนในครอบครัว

ต่อมา เมื่อวันที่ 6 มกราคม ผู้ป่วยมีไข้ มีเสมหะ ทราบข่าวลูกสาวตรวจพบโควิด-19 หลานสาวตรวจหาเชื้อด้วย ATK ผลบวก จึงส่งต่อเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล (รพ.) หาดใหญ่

วันที่ 7 มกราคม เข้ารับรักษาเป็นผู้ป่วยในที่ รพ.หาดใหญ่ แพทย์เก็บตัวอย่างส่งตรวจยืนยันที่ห้องปฏิบัติการ (แล็บ) ผลพบเชื้อมีอาการไข้ 38.5 องศาเซลเซียส ไอ หายใจลำบาก แพทย์รับไว้ที่แผนก เอกซเรย์ปอด ผล infltration both lungs, on ETT แพทย์จ่ายยา Dexamethasone 10mg., Remdesivir

วันที่ 12 มกราคม ผู้ป่วยเสียชีวิตเวลา 09.20 น. ส่งตัวอย่างตรวจยืนยันสายพันธุ์ที่ ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ 12 สงขลา ผลพบเชื้อ SAR-COV-2 สายพันธุ์โอมิครอน

เสียชีวิตจากโอมิครอน รายที่สอง

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า ผู้เสียชีวิตรายที่ 2 อยู่ จ.อุดรธานี เพศหญิง อายุ 84 ปี อาศัยใน อ.กุดจับ จ.อุดรธานี มีโรคประจำตัวเป็นโรคมะเร็งที่ปอด ระยะสุดท้าย โดยมีการรักษาแบบประคับประคอง ใส่ออกซิเจน ไม่มีประวัติการได้รับวัคซีน ความเสี่ยง เนื่องจากเป็นผู้ป่วยติดเตียง

ครอบครัวเป็นผู้ติดเชื้อโควิด-19 เมื่อวันที่ 9 มกราคม จึงตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR เนื่องจากเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงของลูกชาย

ต่อมา วันที่ 10 มกราคม ตรวจพบเชื้อ รพ.ประสานเพื่อเข้ารับรักษา ผู้ป่วยและญาติปฏิเสธการเข้ารักษาใน รพ. แพทย์อนุญาตให้เข้าสู่ระบบรักษาที่บ้าน (Home Isolation) ตามความประสงค์ของผู้ป่วยและญาติ

แพทย์ให้ยาฟาวิพิราเวียร์ตามแผนการรักษา และจัดเครื่องวัดอุณหภูมิร่างกายและออกซิเจนปลายนิ้ว โดยออกซิเจนปลายนิ้วอยู่ระหว่างร้อยละ 86-90 ไม่มีไข้ ซึ่งก่อนติดเชื้อโควิด-19 ลูกชายที่ดูแลแจ้งว่าค่าออกซิเจนปลายนิ้วก็อยู่ระหว่างช่วงดังกล่าว ผู้ป่วยไม่มีเหนื่อย หายใจไม่หอบ

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า การเสียชีวิตของผู้ป่วยทั้ง 2 ราย จะเห็นว่ามีการติดเชื้อมาจากคนในครอบครัว และปัจจัยสำคัญของการเจ็บป่วยและเสียชีวิตคือ สูงอายุ มีโรคประจำตัว

ดังนั้น ขอให้ทุกครอบครัวระมัดระวัง อย่าใกล้กลุ่มคนเปราะบาง ขอให้เคร่งครัดมาตรการส่วนบุคคล และพากลุ่มคนเปราะบางเหล่านี้มารับวัคซีนเข็มกระตุ้น หรือเข็มที่ 3 เพื่อให้มีระดับภูมิคุ้มกันที่สูงขึ้น เพราะอาจเป็นไปได้ว่าธรรมชาติของคนสูงอายุระดับภูมิคุ้มกันไม่ได้สูงอยู่แล้ว

พร้อมมีแนวคิดปรับร่นระยะเวลาการรับวัคซีนชนิด mRNA ทั้งไฟเซอร์ และโมเดอร์นา จากเดิมการรับเข็มกระตุ้น หรือเข็มที่ 3 ต้องห่าง 6 เดือน เหลือแค่ 3 เดือนเท่านั้น เพื่อให้ได้รับวัคซีนเร็วขึ้นเพื่อภูมิคุ้มกันต่อโอมิครอน