“แอนิเทค” คิดใหญ่ ปักธงขยายตลาดบุก AEC

แม้ด้วยดีไซน์สินค้า และชื่อ”แอนิเทค” (Anitech) จะละม้ายไปทางญี่ปุ่น ทั้งผลิตภัณฑ์ที่ผลิตและจัดจำหน่ายยังเป็นกลุ่มคอนซูเมอร์อิเล็กทรอนิกส์ ตั้งแต่ปลั๊กไฟ, อุปกรณ์เสริมคอมพิวเตอร์ยันเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่ล้วนแล้วแต่มีคู่แข่งเป็นบิ๊กแบรนด์ทั้งนั้น แต่แท้ที่จริงแล้ว “แอนิเทค” เป็นแบรนด์สัญชาติไทยแท้ ๆ ที่นอกจากจะมีทีมวิจัยพัฒนา และออกแบบสินค้าเป็นของตนเอง ยังกำลังสร้างโรงงานผลิตสินค้าของตนเองในประเทศด้วย โดยอยู่ระหว่างก่อสร้าง และคาดว่าจะเริ่มผลิตได้ภายในปีนี้ โฟกัสไปที่สินค้าไฮเทค เช่น สินค้าที่รองรับเทคโนโลยี IOT (internet of thing) และได้รับการรับรองมาตรฐาน มอก. (เป็น 1 ใน 8 ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายปลั๊กไฟที่ได้การรับรองมาตรฐาน มอก.) หลังจากที่ผ่านมาใช้วิธีจ้างผลิตจากโรงงานในไทย และจีนเกือบ 100%

ไม่ใช่แค่นั้น “พิชเยนทร์ หงษ์ภักดี” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สมาร์ท ไอดี กรุ๊ป จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ภายใต้แบรนด์ “แอนิเทค” กล่าวว่า ปีนี้ยังวางแผนนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เพราะต้องการขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศอาเซียน กับเป้าหมายที่ต้องการผลักดันให้บริษัทเป็นผู้นำในตลาดเออีซีให้ได้ด้วยในอนาคต

ทั้งตลาดประเทศจีนเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญที่เขาเชื่อว่ามีโอกาสทางธุรกิจรออยู่ไม่น้อย และมั่นใจว่าหลังแผนการเข้าระดมทุนในตลาด mai สำเร็จ จะเริ่มเข้าไปทำตลาดในจีนได้อย่างจริงจัง จากปัจจุบันส่งสินค้าไปทำตลาดในกัมพูชา และเวียดนามแล้ว

“โรงงานที่กำลังสร้างที่บางบัวทองจะผลิตเฉพาะสินค้าที่รองรับ IOT และมาตรฐาน มอก. เริ่มจากปลั๊กไฟก่อนขยายไปยังสินค้าอื่น ๆ ตั้งเป้าไว้ที่1 แสนชิ้นในปีนี้ ที่สร้างโรงงานผลิตเองเพราะโรงงานนี้จะผลิตสินค้าที่เน้นนวัตกรรม และเป็นความลับทางธุรกิจ ไม่ใช่สินค้ากลุ่มแมส เราไม่สบายใจถ้าจะไปให้คนอื่นผลิตให้ แอนิเทคไม่แข่งตลาดโลก แต่ถ้าใครจะแข่งกับเราต้องมาแข่งกันที่เออีซี”

ล่าสุดเปิดตัวปลั๊กไฟที่รองรับไวไฟ และ IOT (เปิด-ปิดไฟผ่านมือถือ) เป็นรายแรกในไทย และได้รับการรับรองมาตรฐาน มอก.เป็นเจ้าแรกด้วย พร้อมกับประกาศว่า ปลั๊กไฟยี่ห้อแอนิเทคทุกอันจากนี้ไป ต้องได้รับการรับรองมาตรฐานจาก “มอก.”

“มาตรฐาน มอก.ใหม่ เริ่มประกาศใช้เดือน ก.พ.ปีนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีทำให้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์และความปลอดภัยสูงขึ้น แม้จะทำให้ต้นทุนการผลิตสินค้าเพิ่มขึ้น แต่เราก็พยายามบริหารต้นทุนอย่างดีที่สุด เพื่อให้ราคาขายเพิ่มขึ้นน้อยที่สุด เพื่อไม่ให้เป็นภาระกับผู้บริโภค”

และต่อไปสินค้าของแอนิเทคไม่น้อยกว่า 20% จากที่มีกว่า 1,000 รายการ จะต้องรองรับเทคโนโลยี IOT ได้ด้วย

“ต่อไปอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านจะรับคำสั่งจากสมาร์ทโฟนได้ผ่านไอโอที ที่เชื่อมต่อกับสมาร์ทปลั๊กในทุก ๆ ที่ที่มีเครือข่ายมือถือและอินเทอร์เน็ต ด้วย e-SIM ทำให้ผู้บริโภคจัดการตารางเวลาเปิด-ปิดอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าได้โดยอัตโนมัติ และเตือนความจำว่าเราเปิดปิดหรือยังได้ด้วย”

สำหรับเป้ายอดขายในปีนี้ ตั้งไว้ที่ไม่น้อยกว่า 450 ล้านบาท โดยในครึ่งปีหลังจะบุกตลาดปลั๊ก IOT หรือ smart plug เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่ทำได้ 300 ล้านบาท จาก 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่ 1.อุปกรณ์เสริมเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 2.อุปกรณ์เสริมมือถือ และเครื่องใช้ไฟฟ้า คิดเป็นจำนวนชิ้นอยู่ที่ 2 ล้านชิ้น โตจากปี 2559 อยู่ที่ 25%

“ปีที่แล้วเรามีส่วนแบ่งในตลาดปลั๊กไว้ที่ 20% จากตลาดรวมที่ 1,500 ล้านบาท ปีนี้เราตั้งเป้าไว้ที่ 30% และเพิ่มเป็น 50% ในปี 2563”