9 ขั้นตอนทำธุรกิจยุคใหม่

คอลัมน์ Pawoot.com
ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ

การเริ่มต้นธุรกิจมีหลายวิธี บางคนเริ่มต้นจากความชอบ บางคนเริ่มจากโอกาสที่เข้ามา บ้างเริ่มจากเป็นงานอดิเรกแล้วพัฒนาเป็นงานประจำ แต่วิธีการที่ทำจะให้เติบโต ผมสรุปได้ 9 ขั้นตอน

1.business model-differentiate กลับมาดูว่าธุรกิจที่จะทำ “บิสซิเนสโมเดล” หรือรูปแบบการทำธุรกิจ เป็นอย่างไร ที่ผมเน้นมาก ๆ คือแตกต่างจากชาวบ้านอย่างไร ถ้าธุรกิจไม่มีความแตกต่างในที่สุดก็จะเกิดสงครามราคา ซึ่งความแตกต่างมีได้หลายรูปแบบ 1.product differentiation ความแตกต่างด้านผลิตภัณฑ์ เช่น ขายลูกชิ้นก็ทำแบบลูกจัมโบ้ 2.service บริการที่แตกต่าง สินค้าเป็นลูกชิ้นเหมือนกัน แต่ใช้วิธีขายต่างกัน เช่น ถ้าซื้อของผม มีช่องทางซื้อออนไลน์ และส่งให้ถึงที่ จากเดิมมีแตงกวาให้แต่ของผมมีผักแบบฝรั่ง ๆ ให้กินควบคู่ด้วย ฯลฯ นั่นคือการทำให้แตกต่างทั้งในแง่การบริการที่ต้องให้ดีกว่า

2.product direction ดูว่าสินค้าหรือบริการของเรามีแนวโน้มหรือทิศทางไปทางไหน จะพัฒนาอะไร มี roadmap ในการพัฒนาในอนาคต เช่น บริการเรามีแบบนี้ ๆ สินค้าเป็นแบบนี้ ๆ วางล่วงหน้าไว้เลย นี่เป็นปัญหาของหลายคนที่มักไม่ค่อยวางแผนล่วงหน้าว่าต้องทำอะไรยังไง เป็นจุดอ่อนของผู้ประกอบการที่ทำไปเรื่อย ๆ แล้วไปตายเอาดาบหน้า

3.target เมื่อวางแผนพัฒนาโป รดักต์ล่วงหน้า สิ่งที่่ต้องทำต่อ คือวาง target ว่าสินค้าและบริการที่วางแผนไว้ตั้งเป้ารายได้เท่าไร ยอดขายปีนี้ ปีหน้าเท่าไร บางคนตั้งเป้า 5 ปี ผมว่ายุคนี้ไม่ใช่แล้วแค่ปีต่อปีก็พอแล้วมาปรับเป้าเป็นไตรมาสต่อไตรมาส การตั้งเป้า 5 ปีเป็นเป้าระยะไกล สุดท้ายก็ต้องปรับปีต่อปี เมื่อเห็นเป้าว่ายอดขายจะเป็นอย่างไร ตั้งเป้าพวกนี้ไว้ เป็นเป้าหมายในทางธุรกิจ

4.resource management เมื่อมีเป้าแล้ว รู้แล้วว่าเราต้องพัฒนาสินค้า และบริการอย่างไร สิ่งที่ตามมา คือวางแผนเรื่องคน เช่น ต้องการยอดขายปีนี้ 100 ล้าน มีโรดแมปการพัฒนา product แบบนี้ ก็ต้องมาดูเรื่องคนว่าการจะไปถึงเป้าหมายนั้นได้ ต้องใช้คนกี่คน ใช้ใคร ตำแหน่งไหน เซลส์กี่คน คนพัฒนา product กี่คน ฯลฯ วางให้ชัด ปริมาณคนต้องสอดคล้องกับแผนที่วางไว้ตั้งแต่เริ่มต้น ตั้งแต่จำนวนสินค้า โรดแมป ทาร์เก็ต ยอดขายที่วางเอาไว้ หลายครั้งที่ SMEs ไม่ได้วางแผนรายปีไว้ ไม่รู้ว่ายอดขายรายปีเท่าไร ยอดคนปีนี้เท่าไรไม่รู้ เพิ่มไปเรื่อย ๆ กลายเป็นว่าโตไปเรื่อยแบบธรรมชาติ ธุรกิจประเภทนี้ไม่ค่อยมี growth มากเท่าไหร่

5.financial budget หากอยากสั่งให้ธุรกิจโต เราต้องวางแผนให้ชัดเจน เมื่อรู้ว่าต้องใช้คนใช้อะไรต่อไปเท่าไหร่ สิ่งที่สำคัญมาก ๆ คือเรื่องการเงิน เมื่อรู้เรื่องคน แต่ละคนใช้เงินเท่าไร ตำแหน่งอะไรจะเริ่มรู้ว่าปีนี้ต้องจ่ายเงินเดือนเท่าไร ค่าเช่าออฟฟิศเท่าไร ฯลฯ เริ่มวางแผนค่าใช้จ่ายทั้งปีรอไว้ก่อนเลยว่าจะเจออะไรบ้าง ค่าใช้จ่ายการตลาด การลงโฆษณาออนไลน์ ส่วนใหญ่จะตั้งเป็นเปอร์เซ็นต์ของยอดขาย เช่น ปีนี้ทาร์เก็ตยอดขาย 10 ล้าน จะตั้งเป้าโฆษณาเริ่มต้นไว้ 5% หรือ 10% ของยอดขาย

6.operation KPI เป็นการเซต KPI เราต้องมี KPI (key performance indicator) คือเป้าแต่ละทีมต้องมีอะไร จะไปถึงยอดขายนั้นได้ทุกทีมต้องช่วยกัน ทั้งหมดทำให้เกิดยอดขาย ทุกคนต้องมีเป้าหมาย KPI ของตัวเอง จากนั้นจึงไปแตกเป้าของตัวเองจากรายปีมาเป็นรายเดือน รวมถึงที่ผมใช้ คือเป้ารายวัน ถ้าทำเป้ารายวันได้ รายอาทิตย์ก็จะถึง รายเดือนรายปีก็จะถึงเช่นกัน ฉะนั้นจงทำเป้าหมายให้เล็กที่สุด ให้คนสามารถทำได้

7.daily improvement ปรับปรุงตนเองทุกวัน หัวหน้าที่ดีต้องตั้งคำถาม ทำไมไม่ถึง และต้องถามว่าจะแก้อย่างไร ลองวิธีการที่คิดแบบใหม่ว่าเป็นอย่างไรเอาสิ่งที่ทำแล้วทำได้ดีไปบอกคนอื่นต่อในทีม เอาองค์ความรู้ที่มีมาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงทุกวัน ให้คนในองค์กรปรับปรุงแล้วจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งองค์กรทีละนิดทุกวัน daily improvement คือพัฒนาต่อเนื่อง คือการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่มาก

8.marketing & build brand awareness ทีมมาร์เก็ตติ้งต้องทำตลาดเพื่อกระตุ้น สร้าง brand awareness ให้คนรู้จัก ยิ่งคนรู้จักแบรนด์เรา การขายของจะง่ายมากขึ้น

สุดท้าย 9.partner การหาพาร์ตเนอร์ ยิ่งมีเยอะ โอกาสทางธุรกิจก็ยิ่งกระจายออกไปมากขึ้นในจุดที่เราไม่ถนัด