แบงก์ชาติภาคอีสาน ชี้เศรษฐกิจอีสานไตรมาส 2/2566 ปรับตัวดีขึ้น

ดร.ทรงธรรม ปิ่นโต
ภาพจาก ธนาคารแห่งประเทศไทย

แบงก์ชาติภาคอีสาน แถลงข่าวเศรษฐกิจอีสาน ไตรมาส 2/2566 ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อน ขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ครึ่งหลัง ปี 2566 ยังมีสถานการณ์ภัยแล้งที่คาดว่ารุนแรงมากขึ้น และความไม่แน่นอนของงบประมาณของภาครัฐ ส่งผลให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวมล่าช้า

วันนี้ 7 สิงหาคม 25666 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา (3 สิงหาคม 2566) ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จัดการแถลงข่าวเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไตรมาส 2 ปี 2566 ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.ขอนแก่น (แบงก์ชาติภาคอีสาน) และผ่านโปรแกรมซูม เพื่อเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนใน 20 จังหวัดภาคอีสานได้มีส่วนร่วมในการแถลงข่าว

ดร.ทรงธรรม ปิ่นโต ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ธปท. สภอ.) ได้กล่าวถึงสาระสำคัญ เศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไตรมาส 2 ปี 2566 ว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ฟื้นตัวเล็กน้อยเทียบกับไตรมาสก่อน แต่หดตัวเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันในปีก่อนก่อน ใน 3 ประเด็น ได้แก่

1.เศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือหลังปรับฤดูกาลแล้ว ขยายตัวจากไตรมาสก่อน ตามการบริโภคภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้นจากปัจจัยพิเศษ อาทิ เทศกาลสงกรานต์ วันหยุดยาวที่ช่วยกระตุ้นการใช้จ่าย รายได้เกษตรเพิ่มขึ้นจากผลผลิตยางพาราและข้าวนาปรัง และการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวจากการลงทุนด้านก่อสร้างที่อยู่อาศัย

2.เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน เศรษฐกิจโดยรวมยังคงหดตัวใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน ตามการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนที่หดตัวจากค่าครองชีพที่อยู่ในระดับสูง แม้รายได้เกษตรกรและการท่องเที่ยวที่ยังขยายตัวจะช่วยพยุงการบริโภคได้บ้าง ทั้งนี้ เห็นสัญญาณการอ่อนแรงของเศรษฐกิจฐานรากที่ฉุดรั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะข้างหน้ามากขึ้น

3.สำหรับครึ่งหลังปี 2566 เศรษฐกิจอีสานยังมีปัจจัยกดดันจากสถานการณ์ภัยแล้งที่คาดว่ารุนแรงมากขึ้นและความไม่แน่นอนของงบประมาณของภาครัฐ ส่งผลให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวมล่าช้า ประกอบกับเศรษฐกิจฐานรากยังอ่อนแรง ทำให้การบริโภคและการลงทุนหดตัว ส่งผลให้เศรษฐกิจโดยรวมหดตัวเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน

Advertisment

ส่วนภาวะเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันในปีก่อน 1.การอุปโภคบริโภค หดตัวต่อเนื่องจากสินค้าคงทนที่หดตัว ตามความเข้มงวดในการให้สินเชื่อของสถาบันการเงิน การใช้จ่ายในสินค้าอุปโภคบริโภคและสินค้ากึ่งคงทนหดตัวจากมาตรการกระตุ้นการบริโภคของภาครัฐที่น้อยกว่าปีก่อน และค่าครองชีพที่อยู่ในระดับสูง ขณะที่การใช้จ่ายในหมวดบริการขยายตัวเล็กน้อยตามการจัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจในช่วงวันหยุดยาว

2.การลงทุนภาคเอกชน หดตัวลดลงจากการการลงทุนด้านก่อสร้างที่ขยายตัว ตามปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์ และการลงทุนด้านเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่หดตัวลดลงจากการนำเข้าสินค้าทุน และยอดจำหน่ายเครื่องจักรในประเทศ ขณะที่ยอดจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ยังหดตัวต่อเนื่องหลังจากเพิ่มสูงจากความต้องการออกรถเพื่อลงทุนประกอบอาชีพในช่วงการระบาดของโควิด 19

Advertisment

3.การค้าผ่านด่านศุลกากร ขยายตัวต่อเนื่อง การส่งออกขยายตัว ขยายตัวตามการส่งออกทุเรียนไปจีน ยานยนต์ ผลไม้เครื่องดื่มไปลาว ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อาหารและเครื่องดื่มไปเวียดนาม จากความต้องการของตลาดที่มีต่อเนื่อง

ส่วนการนำเข้าขยายตัว ขยายตัวตามการนำเข้าจากจีนที่ขยายตัวในทุกหมวดสินค้า อาทิ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า คอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์มือถือ จากผลของการเปิดประเทศเป็นสำคัญ

4.รายได้เกษตรกร ขยายตัวต่อเนื่อง จากผลผลิตเป็นสำคัญ ตามผลผลิตของยางพาราจากปริมาณน้ำฝนที่เพียงพอในปีก่อนช่วยให้เจริญเติบโตได้ดีและพื้นที่กรีดยางที่เพิ่มขึ้น และข้าวนาปรังที่ได้รับผลดีจากปริมาณน้ำที่เพียงพอในช่วงเพาะปลูก ขณะที่ราคาหดตัวจากราคายางพาราตามผลผลิตที่ออกสู่ตลาดมากขึ้นและความต้องการของต่างประเทศลดลง

5.ภาคอุตสาหกรรม หดตัวลดลง ตามการผลิตยางพาราแปรรูปที่ยังขยายตัวตามผลผลิตยางพาราที่เพิ่มขึ้น ขณะที่การผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ สิ่งทอยังหดตัวต่อเนื่องตามความต้องการของประเทศคู่ค้า แป้งมันสำปะหลังหดตัวตามผลผลิตที่ลดลงจากผลกระทบของอุทกภัยในปีก่อน

6.การท่องเที่ยว ขยายตัวชะลอลง (ปรับฤดูกาล) ตามการชะลอตัวของผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย โดยเฉพาะกลุ่มประชุม สัมมนาภาครัฐ หลังจากเร่งไปในไตรมาสก่อน ขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติขยายตัวต่อเนื่องตามการจัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจในพื้นที่โดยเฉพาะจังหวัดริมแม่น้ำโขง อาทิ นครพนม ช่วยกระตุ้นอัตราการเข้าพักให้เพิ่มขึ้น

7.อัตราเงินเฟ้อ ลดลง ตามราคาพลังงานและอาหารสด โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ 8.ตลาดแรงงาน ทรงตัว ตามจำนวนผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่ใกล้เคียงเดิม

“แนวโน้มเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ครึ่งหลัง ปี 2566 เศรษฐกิจอีสาน ยังมีปัจจัยกดดันจากสถานการณ์ภัยแล้งที่คาดว่ารุนแรงมากขึ้นและความไม่แน่นอนของงบประมาณของภาครัฐ ส่งผลให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวมล่าช้า ประกอบกับเศรษฐกิจฐานรากยังอ่อนแรงทำให้การบริโภคและการลงทุนหดตัว ส่งผลให้เศรษฐกิจโดยรวมหดตัวเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน”