ฤดูผลไม้ตะวันออกป่วน เอกชนร้องแก้กฎนำเข้าแรงงานข้ามจังหวัด

แรงงานเขมร

3 จังหวัดภาคตะวันออกจี้เร่งปลดล็อกกฎหมาย เปิดช่องนำเข้าแรงงานภาคเกษตรข้ามจังหวัด หอการค้า จ.ตราด ชงรัฐบาลแก้กฎระเบียบให้แรงงานต่างด้าวกว่า 10,000 คนเข้าออกด่าน 3 จังหวัดได้สะดวก ปิดทางจ่ายใต้โต๊ะแรงงานต่างด้าวสีเทา รับฤดูผลไม้ภาคตะวันออกแสนล้านบาท

นายวุฒิพงศ์ รัตนมณฑ์ ที่ปรึกษาหอการค้า จ.ตราด และประธานสหกรณ์การเกษตรเพื่อการแปรรูปและส่งออก จ.ตราด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปัญหาการขาดแคลนแรงงานในจังหวัดตราดยังคงเป็นปัญหาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะได้รับการผ่อนปรนให้นำแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานภาคเกษตรตามฤดูกาลได้ ตามมาตรา 64 แห่งพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 แต่มีปัญหาเรื่องข้อกำหนดอนุญาตให้แรงงานต่างด้าวทำงานอยู่ภายในจังหวัดชายแดนที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น เดินทางข้ามจังหวัดไม่ได้

ขณะที่ฤดูเก็บเกี่ยวผลไม้ของ จ.ตราด ทั้งทุเรียน มังคุด มีความต้องการนำเข้าแรงงงานนับ 10,000 คน แต่งานใน จ.ตราดมีให้ทำเพียง 2-3 เดือน ไม่มีต่อเนื่องทั้งปี แรงงานต่างด้าวที่เข้ามาจะกระจายไปทำงานในจังหวัดต่าง ๆ เช่น ไปเก็บลำไยที่ภาคเหนือ ภาคเอกชน จ.ตราด จึงมีแนวคิดว่า ควรให้มีการเคลื่อนย้ายแรงงานจาก จ.จันทบุรี ไป จ.ตราดที่ติดต่อกัน หรือข้ามจังหวัดในภูมิภาคต่าง ๆ ได้ เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน และอำนวยความสะดวกต่อภาคเกษตรช่วงฤดูเก็บเกี่ยวผลไม้

“ตัวเลขสำรวจความต้องการแรงงานหลัก พบว่านายจ้างมีการแจ้งนำเข้าจริงเพียง 10-100 คน ซึ่งไม่ใช่ข้อมูลที่แท้จริง แต่ตัวเลขที่แท้จริงจะอยู่ในมือล้ง ซึ่งเป็นผู้นำเข้าแรงงาน และล้งจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายแรงงานไปเก็บผลไม้ทั่วประเทศ ผู้ประกอบการ 1 รายต้องเสียค่าอำนวยความสะดวกให้หลายหน่วยงานประมาณ 100,000 บาท/ครั้ง แต่ค่าใช้จ่ายจริงการนำเข้าแรงงานกัมพูชาเพียง 10,000 บาท/ครั้ง/คน ขณะที่เสียค่าธรรมเนียมให้ภาครัฐ 1,325 บาท”

นายศิริไพบูลย์ วัฒณวงศ์ชัย ล้งผู้รับซื้อลำไย จ.สระแก้ว ให้สัมภาษณ์ว่า ล้งลำไยส่วนใหญ่ตั้งอยู่จันทบุรี เมื่อย้ายมาซื้อลำไยที่ จ.สระแก้ว และย้ายแรงงานออกมานอกเขต ต้องมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น โดยการทำเอกสาร เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม 2,000-3,000 บาท/คน ถ้าเร่งด่วนต้องจ่าย 3,000-4,000 บาท/คน เป็นค่าใช้จ่ายให้หลายหน่วยงานทั้งไทย-กัมพูชา จากปกติหากแรงงานต่างด้าวเข้ามาทางด่าน จ.สระแก้วจะเสียค่าธรรมเนียม 1,000 กว่าบาท/คน

นายจตุพัฒน์ ฤกษ์สหกุล รองประธานหอการค้า จ.ตราด และประธานคณะทำงานพัฒนากิจการชายแดนจังหวัดตราดเปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ”ว่า หอการค้า จ.ตราดเสนอขอแก้ไขกฎหมาย 2 ฉบับ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงคือ

1) แก้ไขกฎหมายแรงงาน ให้ขยายเขตการนำเข้าแรงงานกัมพูชาจาก จ.พระตะบอง ให้เดินทางข้ามจังหวัดได้ใน 3 จังหวัดชายแดนเขตติดต่อกันคือ ตราด จันทบุรี และสระแก้ว ซึ่งแต่ละจังหวัดมีการทำบันทึกข้อตกลง หรือ MOU กับจังหวัดพระตะบองอยู่แล้ว

2) แก้ไขเอกสาร Border Pass เช่นเดียวกัน โดยอนุญาตให้แรงงานกัมพูชาที่มาจากจังหวัดพระตะบอง ของกัมพูชาสามารถเคลื่อนย้ายไปทำงานใน 3 จังหวัดชายแดนคือ ตราด จันทบุรี และสระแก้ว เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานภาคการเกษตร ให้เคลื่อนย้ายสะดวก และไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการกลับเข้าใหม่มาอีกครั้ง

“การเก็บเกี่ยวผลไม้ตามฤดูกาล ลำไยในจังหวัดจันทบุรีจะสิ้นสุดการเก็บเกี่ยวเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นเก็บเกี่ยว เงาะ ทุเรียน ใน จ.ตราด หากหมุนเวียนเคลื่อนย้ายแรงงานข้ามจังหวัดได้จะมีความสะดวก มีแรงงานเพียงพอ และลดต้นทุนได้มาก” นายจตุพัฒน์กล่าว

นางสาวธัญญา สังข์ทอง จัดหางาน จ.ตราด ให้ข้อมูลว่า การเข้ามาทำงานตามฤดูกาล ตามมาตรา 64 ใช้ Border Pass เป็นหนังสือผ่านแดนต้องเดินทางเข้ามาทางจุดผ่อนปรนทางการค้า อ.บ่อไร่ และจุดผ่านแดนถาวรบ้านหาดเล็ก อ.คลองใหญ่ เท่านั้น และต้องอยู่ทำงานในพื้นที่จังหวัดตราด

ทั้งนี้ นายจ้างต้องยื่นรายชื่อสำนักงานจัดหางาน จากการสำรวจความต้องการนำเข้าแรงงานในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวผลไม้ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีความต้องการหลัก 10-100 คนเท่านั้น ตามมาตรา 64 ขั้นตอนนำเข้าแรงงานต้องให้นายจ้างประสานนายหน้าจัดเตรียมเอกสารบัตรผ่านแดน (Border Pass จ่ายค่าตรวจสุขภาพ 500 บาท พร้อมประกันสุขภาพ 3 เดือน 500 บาท โดยจะอยู่ในประเทศไทยได้ 30 วัน/ครั้ง