พิษพายุฤดูร้อนพัด “ข้าวโพด” โครงการของรัฐพินาศ เกษตรกรสูญเงินวอนรัฐเร่งเข้าตรวจสอบ

พายุลูกเห็ดพัดกระหน่ำแรงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ต้นไม้หักโค่นหลังคาบ้านเปิดบริเวณกว้าง ขณะที่โครงการ “ข้าวโพด” ในนาข้าวตามนโยบายส่งเสริมของรัฐถูกลมพัดล้มขณะกำลังออกฝักเสียหายกินบริเวณกว้าง ทางการไม่ยอมเข้าตรวจอ้างให้พ้น 7 วันก่อน ทำให้ไม่สามารถแปรรูปทำอย่างอื่นได้ปล่อยเสียหายคาที่ดิน

ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดแพร่ วันที่ 22 กุมภาพันธ์ ถึงผลกระทบจากพายุลูกเห็บที่เกิดขึ้นในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ชาวนาใน อ.วังชิ้น จ.แพร่ ที่ปลูกข้าวโพดในนาข้าวตามนโยบายของรัฐได้รับความเสียหายเป็นบริเวณกว้างหลายหมู่บ้าน ได้แก่ บ้านวังขอน บ้านวังกวาง บ้านค้างคำปัน บ้านค้างปินใจ บ้านแม่แฮด บ้านแม่ตืด บ้านแม่พุง บ้านขุนห้วย บ้านแม่พุงหลวง บ้านวังกวางเหนือ มีพื้นที่กว่า 1,000 ไร่ ใน ต.แม่พุง อ.วังชิ้น จ.แพร่ จนขณะนี้ทางราชการยังไม่มาตรวจความเสียหายเพื่อนำไปสู่การช่วยเหลือแต่อย่างใด ซึ่งเกษตรกรไม่สามารถจัดการกับซากต้นข้าวโพดได้ต้องรอให้มีการตรวจเสียก่อน จะได้นำต้นข้าวโพดสดที่เสียหายนำไปแปรรูปบดย่อยสดๆ เป็นอาหารเลี้ยงโคกระบือ เพื่อลดความเดือดร้อนได้ระดับหนึ่ง

จึงเรียกร้องให้ทางราชการเข้าไปตรวจความเสียหายของต้นข้าวโพดในนาข้าว เพื่อเป็นหลักฐานในการช่วยเหลือ หลังจากผ่านการตรวจสอบของทางราชการ เกษตรกรจะได้ทำการแปรรูปต้นข้าวโพดโดยใช้เครื่องบดเพื่อนำไปทำอาหารสัตว์ต่อไป แต่ทางองค์การบริหารส่วนตำบลแม่พุง ยันยันว่าการตรวจสอบจะต้องมีระยะเวลาหลังเกิดเหตุผ่านไปเกิน 7 วันเสียก่อน จึงจะทำการตรวจสอบได้

นายอำนวย ใจอ้าย เกษตรกรในหมู่ 4 ต.แม่พุง อ.วังชิ้น จ.แพร่ กล่าวว่า ตั้งแต่วันเกิดพายุลูกเห็บ ทางราชการยังไม่มาตรวจสอบความเสียหายในพื้นที่เกษตรเลย โดยเฉพาะต้นข้าวโพดที่ถูกลมพัดล้มเสียหายแน่นอน ผิดกับต้นข้าวถ้าข้าวล้ม ภายใน 7 วันข้าวจะตั้งยอดใหม่และสามารถออกรวงได้ แต่ข้าวโพดนั้นไม่เหมือนข้าว เสียหายแน่นอน การทิ้งเวลาไปถึง 7 วันจึงเข้าตรวจความเสียหาย จะทำให้เกิดความเสียหายมากขึ้น เพราะถ้าตรวจสอบหลังเกิดเหตุ เกษตรกรจะสามารถนำต้นข้าวโพดไปแปรรูปเป็นอาหารโคกระบือได้ เป็นการใช้ประโยชน์จากสิ่งที่เสียแล้ว แต่ถ้าไม่มาตรวจข้าวโพดที่ล้มทั้งหมดใน ต.แม่พุง จะถูกแดดเผาจนแห้ง จนเอาไปใช้อะไรไม่ได้นอกจากการเผาทิ้ง มันน่าเสียดาย

นายรณเกียรติ คำน้อย ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 15 ต.แม่พุง อ.วังชิ้น จ.แพร่ กล่าวว่า การที่ทางการไม่มาตรวจความเสียหาย เพราะคิดว่าความเสียหายในแปลงเกษตรโดยเฉพาะนาข้าว เมื่อผ่านไป 7 วันจะเห็นความเสียหายและไม่เสียหาย ชัดเจน คงไม่ใช่ระเบียบแต่เป็นความเข้าใจของผู้บริหารท้องถิ่น แต่ข้าวโพดรับรองว่าไม่มีทางที่จะทำให้กลับมาออกฝักใหม่ได้ถ้าต้นล้มไปแล้ว เป็นความเข้าใจที่ไม่เหมาะสมของทางราชการที่เกี่ยวข้อง ในขณะที่เกษตรกรมีความเข้าใจและพร้อมที่จะนำต้นข้าวโพดไปสู่การแปรรูป อาจจำหน่ายหรือไปเลี้ยงสัตว์ของตนเอง เป็นการทำให้เกิดประโยชน์ไม่เพียงเสียหายไปโดยเปล่าประโยชน์

นายวิชิต เที่ยงไทย นายอำเภอวังชิ้น กล่าวว่า หลังเกิดเหตุพายุลูกเห็บใน อ.วังชิ้น ทางอำเภอไม่ได้นิ่งนอนใจ ลำดับแรกได้ระดมเจ้าหน้าที่เข้าไปเร่งซ่อมแซมบ้านเรือนและต้นไม้ที่หักโค่นทำบ้านเรือน เร่งดำเนินการให้เรียบร้อยโดยเร็ว ส่วนพื้นที่เกษตรกรรมได้สั่งการให้เกษตรตำบลเข้าไปสำรวจและนำมาประมวลผลเพื่อหาทางช่วยเหลือต่อไปแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การช่วยเหลือผู้ประสบภัย พายุในครั้งนี้ค่อนข้างล่าช้า ไม่เพียงแต่กลุ่มเกษตรกรเท่านั้น แต่การเข้าช่วยเหลือซ่อมแซมบ้านเรือนก็ล่าช้าด้วยเช่นกันในการเบิกจ่ายและการจัดซื้ออุปกรณ์ ความเสียหายบางอย่างไม่สามารถจ่ายช่วยเหลือได้ ส่วนไร่ข้าวโพดนั้นเป็นโครงการที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ จันทร์โอชา ส่งเสริมให้ปลูกข้าวโพดในนาข้าวช่วงการเกษตรฤดูแล้ง เพื่อลดการใช้น้ำ มีการส่งเสริมเป็นอย่างดี แต่ช่วงที่ได้รับความเสียหายกับไม่มีผู้ให้ความสำคัญในการช่วยเหลือ มีเกษตรกรหลายรายกล่าวว่า ปีต่อไปคงไม่ร่วมโครงการกับรัฐแล้ว เพราะฤดูแล้งที่เคยทำนาข้าวไม่มีปัญหากับลมแรง แต่ข้าวโพดมีปัญหามากถ้าต้นล้มก็หมายถึงได้รับความเสียหายอย่างแน่นอน และทางการก็ยังเข้ามาให้การช่วยเหลือล่าช้าอีกด้วย

 

 

ที่มา : มติชนออนไลน์