ป.ป.ช. ชู”ภูเก็ต” ต้นแบบแก้ปัญหารุกที่ดินรัฐ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็วๆนี้ นายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. นายโชติ มหาชัยฤทธิพร ผู้อำนวยการสำนักไต่สวนคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดภูเก็ต ประชุมหารือร่วมกับนายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และ หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ในปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐของจังหวัดภูเก็ต ณ ห้องประชุม อาคารคอซิมบี้ ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต

นายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. เปิดเผยว่า ในการประชุมได้หารือถึงการบุกรุกที่ดินของรัฐ และแนวทางการแก้ไขปัญหา ตามอำนาจหน้าที่ของจังหวัดภูเก็ตและหน่วยงานต่างๆกับปัญหาที่เกิดขึ้นแล้วรวมทั้งแนวทางการป้องกันปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และการไต่สวนเจ้าหน้าที่ของรัฐและบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการบุกรุกที่ดินของรัฐ ตามหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมกาน ป.ป.ช. ซึ่งจะมีการบูรณาการ การทำงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆที่จะดำเนินกการป้องกันและปราบปรามเพื่อแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐในจังหวัดภูเก็ต ให้เกิดประสิทธิภาพที่ชัดเจนขึ้น

จากการรับฟังปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐในจังหวัดภูเก็ต พบว่า สภาพปัญหาการบุกรุกมาจากหลายกรณี เช่น การบุกรุกที่ดินอุทยานฯป่าไม้ สปก.ที่สาธารณประโยชน์ ป่าชายเลน เป็นต้น โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการในชั้นศาลแล้ว ซึ่งการบุกรุกที่ดินของรัฐเป็นคดีเดิมๆ มีความเคลื่อนไหวในข้อกฏหมายข้อเท็จจริง โดย ป.ป.ช.ได้จัดทีมลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบตามความเป็นจริง

“ปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐในจังหวัดภูเก็ต ยังไม่ถือว่ารุนแรง เช่น มีโรงแรมปลูกสร้างบนภูเขาได้ในพื้นที่กมลา กะทู้ เป็นต้น มีความเข้าใจว่าอาจบุกรุก เมื่อมีการตรวจสอบพบว่าเป็นที่ดินครอบครองเดิมนำมาออกเอกสารสิทธิที่ดินเป็นโฉนดได้ มีกรรมสิทธิ์ จึงไปตรวจสอบการขออนุมัติปลูกสร้างถูกต้องหรือไม่ และ บางโรงแรม มีการตรวจสอบแล้วเห็นว่าอาจมีการได้เอกสารสิทธิมาโดยมิชอบ ซึ่ง การบุกรุกที่ดินของรัฐในภูเก็ต โดยภาพรวม ไม่น่าจะถึง 10% เมื่อเป็นคดีใหญ่ขึ้นมามองว่าเป็นปัญหาของภูเก็ตแต่ถ้าเปรียบเทียบส่วนทั่วไปของภูเก็ตถือว่าไม่เยอะมากซึ่ง การทำงานของ ป.ป.ช.ต้องลงไปตรวจสอบให้ชัดเจนเพราะเป็นที่ดินของรัฐ

ปัจจุบัน สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัด รับเรื่องไว้ 60 เรื่อง เกี่ยวกับที่ดิน เป็นเรื่องที่กล่าวหาเจ้าหน้าที่ ซึ่ง ป.ป.ช.ต้องให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ใน จำนวน 60 เรื่องนี้ มีคดีที่ใกล้แล้วเสร็จ อาทิ การบุกรุกที่ดินในอุทยานแห่งชาติสิรินาถ และ หลายเรื่องที่ทำแล้วเสร็จประมาณ 70-80%

การที่ ป.ป.ช.เลือกภูเก็ต เป็นจังหวัดต้นแบบ ทั้งๆที่ผ่านมา ไปลงในหลายพื้นที่แล้ว เช่น เชียงราย ตรวจสอบแปรภาพถ่ายทางอากาศแล้ว รวมทั้งตรวจพิสูจน์ที่ดินต่างๆเป็นต้น แต่เห็นว่าจังหวัดภูเก็ต มีเรื่องที่อาจจะมีอิทธิพล มีนายทุน เข้ามามากกว่าพื้นที่อื่น ถ้ามีการวางแนวทางป้องกันในพื้นที่นี้ได้ จังหวัดอื่นๆจะเป็นเรื่องง่าย จะต้องรู้เท่าทันและดำเนินคดี นำเป็นโมเดล โดย ป.ป.ช.จัดทีมลงมาปูพรมในหลายพื้นที่ของภูเก็ต ยกภูเก็ต เป็นโมเดลปรับปรุงแก้ไข จากนั้น จะมีการดำเนินการขยายผลจากภูเก็ต ไปยังจังหวัดที่เกี่ยวข้อง ที่เป็นจังหวัดท่องเที่ยวมีมูลค่าที่ดินสูง มีพื้นที่จำกัดและเข้าไปครอบครองที่ดินในลักษณะบุกรุก เช่น เชียงราย เชียงใหม่ เกาะสมุย สุราษฎร์ธานี เป็นต้น ” นายนิวัติไชย กล่าว

ด้านนายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ต ขอบคุณ ป.ป.ช.ที่มี นโยบายแก้ปัญหาการบุกรุกทรัพยากรธรรมชาติ โดยเลือกภูเก็ตเป็นจังหวัดต้นแบบในการแก้ปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐซึ่งสภาพพื้นที่ภูเก็ต เป็นเกาะมีพื้นที่จำนวน 543 ตร.กม. กว่า 3 แสนไร่ มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจ โดยมีคน เป็นปัจจัยให้เกิดปัญหาบุกรุกที่ดินของรัฐ ส่วนราชการมีส่วนเกี่ยวข้องดูแลที่ดินของรัฐ ทางจังหวัดได้ให้ข้อมูลผลดำเนินงานทั้งที่สาธารณประโยชน์ ป่าไม้ อุทยานฯ ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง แก่ ป.ป.ช.แล้ว ถือว่า เป็นนิมิตหมายที่ดีที่จะร่วมกันรักษาทรัพยากรธรรมชาติ ต่อไป