วิจัยสัตว์เลี้ยงเผย Gen Y ขึ้นแท่นทาสแมวเบอร์1 ส่วน Gen Z จับจ่ายพุ่งสุด

cat
cat

The 1 Insight เผยผลวิจัยตลาดสัตว์เลี้ยง พบยอดขายผลิตภัณฑ์สำหรับแมวครองส่วนแบ่ง 63% ของตลาด สะท้อนทาสแมวเปย์หนัก โดยเฉพาะ Gen Y ขึ้นแท่นทาสแมวอันดับ 1 ด้านสินค้า-บริการเชิงสุขภาพสัตว์ติดอันดับธุรกิจฮอตโอกาสโตสูง

วันที่ 12 มีนาคม 2567 The 1 Insight และ CRC VoiceShare เผยผลวิจัยตลาดสัตว์เลี้ยงของไทย ในด้านต่าง ๆ อาทิ สัตว์เลี้ยงยอดนิยมของคนแต่ละ Gen, การจับจ่ายของเหล่าทาส, สินค้า-บริการที่มีดีมานด์สูง รวมไปถึงผลลัพธ์ของการรณรงค์รับเลี้ยงสัตว์จรจัด

โดยภาพรวมตัวเลขการเลี้ยงสัตว์ในบ้านมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง สวนทางกับอัตราการเกิดของประชากรไทยที่ลดลงในทุก ๆ ปี ทั้งนี้ ผู้เลี้ยงสัตว์เลี้ยง 65% เป็นกลุ่ม Pet Parent ที่เลี้ยงสัตว์เหมือนลูก มีค่าใช้จ่ายรายเดือนต่อสัตว์เลี้ยงแต่ละตัวเฉลี่ยถึง 1-2 หมื่นบาทต่อปี ทั้งด้านอาหารและบริการสำหรับสัตว์เลี้ยง

สินค้าแมวครองแชมป์-Exotic โตแรง

ในส่วนของสินค้านั้น ตัวเลขยอดขายผลิตภัณฑ์สำหรับแมวคิดเป็น 63% ของยอดขายผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์ทั้งหมด เนื่องจากสินค้าสำหรับแมวมีความหลากหลายที่ตอบโจทย์ความต้องการของเหล่า Pet Parent กว่าสัตว์เลี้ยงประเภทอื่น ๆ โดยสินค้าที่มียอดขายสูงสุดในทุกหมวดสัตว์เลี้ยง ได้แก่ อาหารและขนมสำหรับแมว ทรายแมว และห้องน้ำแมว

อย่างไรก็ตาม ผู้เลี้ยงสัตว์ Exotic อาทิ ปลา กระต่าย และนก ขยายตัวต่อเนื่อง สะท้อนผ่านตัวเลขการใช้จ่ายผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยง Exotic ที่เติบโตสูงกว่า 50% ในขณะที่ยอดขายผลิตภัณฑ์สำหรับแมวเติบโตอยู่ที่ 8% ยอดขายผลิตภัณฑ์สำหรับสุนัขเติบโตอยู่ที่ 6%

คนรุ่นไหนเลี้ยงอะไรกันบ้าง

  • Gen Z เลี้ยงสุนัขมากที่สุด ทั้งยังมีการใช้จ่ายเติบโตสูงสุดจากทุกช่วงวัยถึง 46%
  • Gen Y มีสัดส่วนผู้เลี้ยงแมวสูงสุดจากสัตว์ทุกชนิด เนื่องจากเป็นช่วงวัยที่ใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบและนิยมในการอาศัยอยู่คอนโดฯ การเลี้ยงแมวจึงเป็นทางเลือกที่ลงตัวสำหรับคนรักสัตว์ในวัยสร้างตัว
  • Gen X มีสัดส่วนผู้เลี้ยงปลาและนกสูงสุดจากสัตว์เลี้ยงทุกชนิด เพราะเป็นสัตว์เลี้ยงที่เสริมให้บ้านมีชีวิตชีวาได้โดยไม่สร้างภาระให้ผู้เลี้ยงมากนัก อีกทั้งยังอาจช่วยเสริมความสิริมงคลตามความเชื่อได้อีกด้วย
  • Baby Boomer เป็นกลุ่มที่เลี้ยงสัตว์น้อยที่สุดจากทุกช่วงวัย

อาหารสุขภาพโต 20 เท่า

แม้แบรนด์หลักอย่าง วิสกัส เพดดิกรี สมาร์ทฮาร์ท สมาร์ทเตอร์ และมีโอ จะครองตำแหน่งแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงยอดนิยม แต่ขณะเดียวกัน ‘อาหารสัตว์เกรดโฮลิสติก’ ซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพของสัตว์เลี้ยงในระยะยาวได้รับความนิยมจากกลุ่ม Pet Parent มากขึ้น

โดยแบรนด์ในกลุ่มนี้มียอดขายเติบโตกว่า 20 เท่าในช่วงปี 2566 ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นโอริเจน คานาแกน โยร่า แฮปปี้ ด็อก นูเทรียนซ์ เป็นต้น โดยแบรนด์เหล่านี้มักพบได้ใน ‘ร้านขายของสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ’

บริการกรูมมิ่ง-รับฝาก-ว่ายน้ำ ฮิตสุด

นอกจากนี้ ผู้เลี้ยงสัตว์ในปัจจุบันยังใช้จ่ายกับ ‘บริการ’ เพื่อสัตว์เลี้ยงต่าง ๆ ในทุกเดือน โดยบริการที่ได้รับความนิยมสูงสุด 3 อันดับ ได้แก่ บริการอาบน้ำ-ตัดขน-สปา บริการรับฝากเลี้ยง บริการสระว่ายน้ำ และสถานที่ออกกำลังกาย

และกว่า 65% ของผู้เลี้ยงสัตว์ต้องการใช้บริการ ‘Pet Wellness Center’ หรือบริการดูแลและรักษาสัตว์เลี้ยงแบบครบวงจร ที่มีพร้อมทั้งการดูแลทั่วไปจนถึงแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

นอกจากนี้ ยังมีผู้เลี้ยง 40% ที่ต้องการให้มี ‘คลินิกเฉพาะทาง’ มากขึ้น และ 27% ที่ต้องการให้มี ‘Pet Park สถานที่ออกกำลังกาย’ มากขึ้น โดยที่บริการเหล่านี้ยังไม่แพร่หลายในประเทศไทยมากนัก เมื่อประกอบกับเทรนด์ Pet Parent ที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงเห็นได้ชัดว่าธุรกิจสินค้าและบริการเพื่อสุขภาพของสัตว์เลี้ยงนับว่าเป็นโอกาสทางธุรกิจที่น่าสนใจ

รณรงค์ ‘รับเลี้ยง’ สัตว์จรจัด เห็นผล

สำหรับที่มาของสัตว์เลี้ยงนั้น ในบรรดาทาสแมวกว่า 50% ได้สัตว์เลี้ยงมาจากการรับอุปการะแมวจรจัด การเปลี่ยนแปลงนี้สอดคล้องกับเทรนด์ “Adopt, Don’t Shop” ซึ่งเป็นแคมเปญระดับโลกที่ทั้งองค์กรและคนดังต่างร่วมกันรณรงค์ให้คน ‘รับเลี้ยง’ สัตว์จรจัดมากกว่าการ ‘ซื้อ’ จากฟาร์ม

ส่วนผู้เลี้ยงสัตว์ประเภทอื่น ๆ ส่วนใหญ่ยังคงได้สัตว์เลี้ยงมาจากการซื้อจากร้านหรือฟาร์มเป็นหลัก

Infographic_The 1 Insight X CRC VoiceShare
Infographic จาก The 1 Insight X CRC VoiceShare