Nikon รุกกล้องถ่ายภาพยนตร์ หลังปิดดีลคว้า RED ร่วมทัพ

nikon
คอลัมน์ : Market Move

ปัจจุบันการแข่งขันในวงการกล้องดิจิทัลได้เปลี่ยนไปจากภาพนิ่งไปสู่วิดีโอ หลังความเฟื่องฟูของอาชีพอินฟลูเอนเซอร์และคอนเทนครีเอเตอร์ที่ผลิตคอนเทนต์วิดีโอทั้งแบบสั้นและยาวป้อนให้กับโซเชียลมีเดียหลากหลายเจ้า สะท้อนจากการโฆษณากล้องที่คุณสมบัติด้านการถ่ายวิดีโออย่างความละเอียด 4K, 8K และเฟรมเรต 60p, 120p และต่อไมค์ หูฟัง เข้ามาเป็นจุดขายของกล้องดิจิทัลแทนที่จำนวนพิกเซล และความเร็วในการถ่ายต่อวินาที

ขณะเดียวกันความเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ผู้เล่นที่ถือว่าเป็นหน้าใหม่ของวงการอย่างโซนี่ พานาโซนิค รวมถึงเรด ไม่เพียงสามารถก้าวขึ้นมาอยู่ในแถวหน้าของวงการกล้องดิจิทัลเทียบชั้นกับรายใหญ่และเก่าแก่อย่างนิคอนและแคนนอนได้ แต่ยังเบียดชิงส่วนแบ่งกลุ่มผู้ใช้มืออาชีพ เช่น ผู้สร้างภาพยนตร์ โปรดักชั่นเฮาส์ไปได้อีกด้วย ส่งผลให้แบรนด์ใหญ่ต้องเร่งปรับยุทธศาสตร์

ล่าสุด นิคอน ประกาศปิดดีลประวัติศาสตร์ที่สร้างแรงสั่นสะเทือนในวงการกล้องดิจิทัล ด้วยการเข้าซื้อกิจการ เรด ดิจิทัล คาเมร่า ผู้ผลิตกล้องถ่ายภาพยนตร์รายใหญ่สัญชาติสหรัฐ ซึ่งแม้จะเป็นแบรนด์ที่ก่อตั้งในปี 2007 นับว่าใหม่มากเมื่อเทียบกับผู้เล่นอื่นในวงการถ่ายภาพ แต่กลับมีฐานลูกค้าเป็นสตูดิโอผลิตภาพยนตร์ที่ถ่ายทำภาพยนตร์ดัง อาทิ Guardians of the Galaxy Vol. 2, Gone Girl, Elysium, Jiro Dreams of Sush และอีกหลายเรื่อง รวมถึงเป็นเจ้าของเทคโนโลยีด้านการถ่ายวิดีโอในระบบดิจิทัลหลายรายการ

การซื้อกิจการผู้เล่นรายใหญ่ของวงการกล้องวิดีโอในครั้งนี้ สะเทือนวงการกล้องดิจิทัลด้วยหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการแข่งขันของนิคอนที่จะเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด จากการสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีและโนว์ฮาวด้านกล้องถ่ายภาพยนตร์ของเรด เช่น ศาสตร์ด้านสี และเทคโนโลยีบีบไฟล์อัดภาพแบบพิเศษ ซึ่งสามารถนำมาร่วมกับความเชี่ยวชาญด้านกล้องและเลนส์นิคอน เพื่อสร้างสินค้าใหม่ที่ตอบโจทย์ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ

ในแถลงการณ์ของนิคอนเกี่ยวกับการซื้อกิจการนี่ ระบุว่า ดีลนี้เป็นผลจากความต้องการของทั้งนิคอน และเรด ที่จะผสานจุดเด่นของทั้ง 2 ฝ่ายเพื่อสร้างสินค้าที่ให้ประสบการณ์การใช้งานที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในตลาดกล้องถ่ายภาพยนตร์ดิจิทัล

หลังจากนี้นิคอนจะใช้ประโยชน์จากการซื้อกิจการเรดทั้งโนว์ฮาวและเครือข่ายพันธมิตรที่แต่ละฝ่ายมีอยู่ในการพัฒนาสินค้าที่ก้าวข้ามขีดจำกัดของการถ่ายทำภาพยนตร์ด้วยฟิล์มและดิจิทัล เพื่อขยายตลาดกล้องถ่ายภาพยนตร์ดิจิทัลระดับมืออาชีพที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

ด้านเรดออกแถลงการณ์เกี่ยวกับดีลนี้เช่นกัน โดยระบุว่า ข้อตกลงซึ่ง จิม เจนนาด ผู้ก่อตั้งเรด และจาเรด แลนด์ ประธานของเรด เห็นชอบร่วมกับนิคอนนี้จะนำนวัตกรรมใหม่ ๆ มาสู่วงการ และยกระดับการผลิตภาพยนตร์ระดับมืออาชีพไปสู่ยุคใหม่ ด้วยการผสานโนว์ฮาวด้านเซ็นเซอร์รับภาพและความเชี่ยวชาญในการพัฒนากล้องและเลนส์ มารวมกับเทคโนโลยีของเรด

อีกปัจจัยที่ทำให้ทั้งผู้ผลิตกล้องรายอื่น และผู้คนในวงการกล้องต้องแปลกใจคือ ความสัมพันธ์ของนิคอน กับเรดในช่วงที่ผ่านมานั้น นับว่าไม่ดีนักเนื่องจากทั้ง 2 บริษัทเคยมีคดีความฟ้องร้องเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ทรัพย์สินทางปัญญากัน หลังเมื่อปี 2022 เรดกล่าวหาว่านิคอนละเมิดลิขสิทธิ์ระบบบีบอัดไฟล์ภาพของตน ก่อนที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะตกลงถอนคดีนี้ออกจากกระบวนการยุติธรรมในปี 2023

นอกจากนี้เมื่อต้นปี 2023 เรดเพิ่งเปิดตัวกล้องรุ่น V-RAPTOR 8K S35 ซึ่งเป็นกล้องวิดีโอที่ใช้กับเลนส์แคนนอน ผู้ผลิตกล้องรายใหญ่สัญชาติญี่ปุ่นอีกราย และยังเป็นคู่แข่งสำคัญของนิคอนอีกด้วย ทำให้ไม่น่าจะมีใครคาดคิดว่าจะเกิดดีลซื้อกิจการระหว่างนิคอนและเรดขึ้นมาได้

สำหรับผลกระทบของดีลนี้ต่อสถานการณ์การแข่งขันในวงการกล้องดิจิทัลนั้น ผู้เชี่ยวชาญในวงการต่างคาดการณ์กันไปในแนวเดียวกันว่า หลังจากนี้บรรดาคู่แข่งของนิคอนที่เคยได้เปรียบในเซ็กเมนต์วิดีโอไม่ว่าจะเป็นโซนี่ แคนนอน และพานาโซนิค อาจจะต้องออกมาขยับเขยื้อนตัวกันให้มากและเร็วขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากการได้เรดเข้ามาในเครือน่าจะทำให้กลุ่มผู้ผลิตภาพยนตร์และคอนเทนต์วิดีโอทั้งมืออาชีพและสมัครเล่น น่าจะหันมาสนใจสินค้าจากนิคอนมากขึ้น

หลังที่ผ่านมาแม้ช่วง 1-2 ปีนี้นิคอนจะเริ่มมีกล้องที่โดดเด่นด้านการถ่ายวิดีโอ แต่ด้วยชื่อเสียงในตลาดภาพนิ่งมาอย่างยาวนาน และการที่ไม่เคยมีไลน์สินค้ากล้องวิดีโอระดับมืออาชีพมาก่อน

ต่างจากคู่แข่งที่ต่างมีไลน์สินค้าและทำตลาดกล้องวิดีโอทั้งครัวเรือนและมืออาชีพอยู่แล้วทำให้ผู้ผลิตภาพยนตร์และคอนเทนต์วิดีโอยังมองข้ามนิคอนอยู่