คอลัมน์ MARKET MOVE
ความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์อาหาร ยังคงเป็นประเด็นที่ผู้บริโภคแดนมังกร โดยเฉพาะระดับกลางถึงบนให้ความสนใจ จนยอมจ่ายแพงซื้อสินค้าแบรนด์ต่างชาติ เปิดโอกาสผู้เล่นระดับอินเตอร์หลายรายให้เข้าปักฐานทำตลาดรับดีมานด์ หนึ่งในนั้นคือ “เมจิ” (Meiji) ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์นมรายใหญ่จากญี่ปุ่น ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้เล่นต่างชาติรายเดียวในตลาดนมแช่เย็นของจีน โดยล่าสุดเตรียมลงทุนเพิ่มเพื่อขยายตลาด หลังมีแนวโน้มว่าจะทำกำไรได้ในปีงบฯ 2560 นี้
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
สำนักข่าว “นิกเคอิ” รายงานว่า “เมจิ” ประกาศลงทุนเพิ่มฐานผลิตนมแช่เย็นในประเทศจีนอีก 2 แห่ง มีกำหนดเปิดในเดือน มี.ค. 2570 เพื่อขยายฐานลูกค้าและรับดีมานด์นมพรีเมี่ยมที่สูงขึ้น
สะท้อนจากราคาขายและสัดส่วนกำไร โดยนมเมจิขนาด 950 มิลลิลิตร สามารถขายได้ที่ราคาสูงถึง 20 หยวน หรือประมาณ 2.9 เหรียญสหรัฐ แพงกว่าในญี่ปุ่นถึง 50% อีกทั้งยังมีสัดส่วนกำไรถึง 1.32 เหรียญสหรัฐ สูงกว่าที่ญี่ปุ่น 10 เท่า เนื่องจากต้นทุนต่ำ จนต้องสั่งฐานผลิตแห่งเดียวในจีนที่ในมณฑลเจียงซูให้เดินเครื่องเต็มกำลัง
“บุนจิโร่ ยาโอะ” กรรมการบริหารของบริษัทในเครือเมจิประเทศจีน กล่าวว่า ตอนนี้ยอดขายดีมากจนกำลังผลิตตามไม่ทันแล้ว จึงต้องเร่งลงทุนเพิ่มฐานผลิตใหม่ ๆ โดยเน้นในมณฑลอื่นเพื่อขยายการเข้าถึงไปพร้อมกัน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ระหว่างรอการอนุมัติจากรัฐบาลจีน
สอดคล้องกับข้อมูลของบริษัทวิจัยยูโรมอร์นิเตอร์ระบุว่า เมื่อปี 2560 ตลาดนมแช่เย็นของจีนมีมูลค่าประมาณ 4.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าจะแซงตลาดญี่ปุ่นที่มีมูลค่า 4.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในอีกไม่นาน แต่ยอดขายสินค้าทุกแบรนด์และทุกกลุ่มของเมจิรวมกันกลับมีเพียง 107 ล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น สะท้อนถึงกำลังผลิตที่ไม่เพียงพอและโอกาสเติบโตในอนาคต
ด้านนักวิเคราะห์มองว่า การทุ่มลงทุนของเมจิในครั้งนี้เพื่อหาแหล่งรายได้ใหม่มาทดแทนการหดตัวต่อเนื่องของตลาดญี่ปุ่น ที่ยอดขายช่วง เม.ย.-มิ.ย.ลดลงถึง 2% เทียบกับปีก่อน เพราะดีมานด์สินค้าเรือธงอย่างฟังก์ชั่นนอลโยเกิร์ตและช็อกโกแลตลดลง
ต้องรอดูกันว่าแผนทุ่มรุกตลาดจีนของเมจิจะประสบความสำเร็จตามที่ตั้งเป้าไว้ และกลายเป็นการเบิกทางให้แบรนด์ญี่ปุ่นอื่น ๆ หันมาสนใจแดนมังกรบ้าง หรือเจ้าบ้านแบรนด์จีนจะสามารถเรียกความเชื่อมั่นและสกัดการขยายตัวครั้งนี้ได้ก่อน