แม่บ้านญี่ปุ่น พร้อมเปย์ แพงไม่ว่า…ขอให้มีนวัตกรรม

คอลัมน์ MARKET MOVE

 

จุดขายด้าน “ความสะดวก” และ “ประหยัดเวลา” เป็นหนึ่งในเทรนด์มาแรงของวงการสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งแบรนด์สินค้าพยายามงัดกลยุทธ์ดังกล่าวขึ้นมาด้วยการใส่นวัตกรรมต่าง ๆ ที่ช่วยลดเวลาในการทำงานบ้านลง เพื่อตอบไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ต้องการใช้เวลากับงานบ้านให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และพร้อมจ่ายแพงขึ้นกับสินค้าที่สามารถตอบโจทย์เหล่านี้ได้ เพื่อรับมือกับสงครามราคาที่เกิดขึ้น

โดยผลิตภัณฑ์ซักผ้าของญี่ปุ่น เป็นหนึ่งในสนามแข่งขันที่ผู้เล่นหันมาชูจุดขายดังกล่าวกันอย่างคึกคัก เพื่อรับมือการแข่งขันและสภาวะเงินฝืดในประเทศจนได้ผลตอบรับดี สะท้อนจากสถิติราคาสินค้าเฉลี่ยของเซ็กเมนต์นี้ปรับตัวขึ้นถึง 14% ตลอดช่วง 5 ปี หรือเท่ากับ 2.7% ต่อปี

สวนทางกับภาพรวมสินค้าอุปโภคบริโภคในญี่ปุ่น ซึ่งไตรมาส 3 ของปี 2561 สินค้าจำนวน 51% จากสินค้าทั้งหมดกว่า 1,700 รายการ อาทิ กระดาษชำระและผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ต้องปรับราคาลงจากปีก่อนหน้า ในขณะที่บางส่วนยอดขายลดลงเนื่องจากกลยุทธ์ลดไซซ์ใช้ไม่ได้ผล

ล่าสุด “คาโอ” (Kao) หนึ่งในผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ของญี่ปุ่น และครองส่วนแบ่ง 40-50% ในตลาดผลิตภัณฑ์ซักผ้า ได้พยายามจับกระแสนี้มาเป็นจุดขายของผลิตภัณฑ์ซักผ้าตัวใหม่

สำนักข่าว “นิกเคอิ” รายงานว่า “คาโอ” เตรียมเปิดตัว “แอทแทค ซีโร่” (Attack Zero) น้ำยาซักผ้าแบรนด์แอทแทครุ่นใหม่ มีจุดขายเป็นสูตรน้ำยาใหม่ซึ่งบริษัทอ้างว่ามีประสิทธิภาพทำความสะอาดสูงกว่าสูตรเดิม 2 เท่า และล้างออกง่ายกว่า พร้อมขวดออกแบบพิเศษลักษณะคล้ายพ็อกกี้ฉีดน้ำ เมื่อกดจะปล่อยน้ำยาซักผ้าออกมาปริมาณเท่า ๆ กันทุกครั้ง ช่วยให้ไม่ต้องใช้ถ้วยตวงและใช้งานด้วยมือเดียวได้ ตอบโจทย์ทั้งด้านใช้เวลาซักผ้าน้อยลง และแม่บ้านลูกอ่อนหรือพ่อบ้าน สามารถใส่น้ำยาขณะเล่นโทรศัพท์มือถือ หรืออุ้มลูกไว้ได้

โดย “แอทแทค ซีโร่” ตั้งราคาขายที่ 350 เยน สำหรับขวด 400 กรัม สูงกว่าราคาเฉลี่ยของตลาดประมาณ 20%

“มิชิทากะ ซาวาดะ” ประธานและซีอีโอของคาโอ อธิบายถึงคอนเซ็ปต์ของสินค้านี้ว่า นวัตกรรมเป็นจุดขายหลักของแอทแทคมาโดยตลอด เพราะเป้าหมายของเรา คือ การนำเสนอนวัตกรรมที่ทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ เช่นเดียวกับเมื่อครั้งเปิดตัวแบรนด์นี้ในปี 2530 ด้วยจุดขาย ผงซักฟอกแบบคอมแพ็กต์

โดยในการซัก 1 ครั้ง ใช้ผงซักฟอกเพียง 1 ใน 4 ของคู่แข่งเท่านั้น ช่วยลดปริมาณแพ็กเกจที่ผู้บริโภคต้องขนในการไปช็อปปิ้งแต่ละครั้งลง และหลังจากนั้นได้อัพเกรดเพิ่มนวัตกรรมใหม่ ๆ อีกกว่า 30 ครั้ง จนปัจจุบันแบรนด์แอทแทคสร้างรายได้ให้บริษัทถึงปีละ 1 แสนล้านเยน หรือประมาณ 912 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 19% ของธุรกิจผลิตภัณฑ์ดูแลบ้านและเสื้อผ้าของบริษัท

“ตัวเลขนี้สะท้อนว่า ผู้บริโภคพร้อมลงทุนกับนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความสะดวกสบายในชีวิตประจำวัน”

สอดคล้องความเห็นของผู้บริหารเชนค้าปลีกรายหนึ่งซึ่งกล่าวว่า แม่บ้านและชายโสดมักเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ซักผ้าที่มีนวัตกรรมช่วยประหยัดเวลา เช่นเดียวกับสถิติยอดขายค้าปลีกที่ระบุว่า ผู้บริโภคชาวญี่ปุ่นเลือกซื้อสินค้าโอว์นแบรนด์กลุ่มกระดาษชำระ 30% อาหารสดและผลิตภัณฑ์นม 20% แต่กลุ่มผลิตภัณฑ์ซักผ้ามีเพียง 3% เท่านั้น

ด้านผู้เล่นรายอื่น ๆ ทั้งในและนอกญี่ปุ่นต่างมีความเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกัน อาทิ “ไทด์พ็อด” (Tide Pod) น้ำยาซักผ้าแบบแคปซูลจากแบรนด์ “ไทด์” (Tide) ของพีแอนด์จี ซึ่งผู้ใช้สามารถใส่ในถังซักผ้าได้โดยตรง ส่วนไลออน (Lion) มีผงซักฟอกสำหรับการตากผ้าในบ้าน

ความเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงศักยภาพของ “ความสะดวก” และ “ประหยัดเวลา” ในฐานะจุดขายที่สามารถจูงใจผู้บริโภคได้ แม้ในสภาวะเศรษฐกิจฝืดแบบในประเทศญี่ปุ่น

 

ไม่พลาดข่าวสารเศรษฐกิจ เจาะลึกทุกประเด็นทั้งภาครัฐ-เอกชน เพิ่มเราเป็นเพื่อนที่ Line ได้เลย พิมพ์ @prachachat หรือ คลิกลิงก์ https://line.me/R/ti/p/@prachachat

หรือจะสแกน QR Code ในรูป เราพร้อมเสิร์ฟข่าวเศรษฐกิจ-ธุรกิจถึงมือผู้อ่านทันที!