เปิดศึก…บะหมี่อิมพอร์ต มาม่า-ไวไว-ยำยำ ขนนวัตกรรมสู้

ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคที่เคลื่อนตัวอยู่ตลอดเวลา แต่ละแบรนด์ต้องพร้อมปรับตัว โดยเฉพาะตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่มีมูลค่า 2 หมื่นล้านบาท ที่ต้องเตรียมรับมือกับภาวะการแข่งขันสูงจากเทรนด์บะหมี่อิมพอร์ตจากเกาหลี-ญี่ปุ่นที่มาแรง แม้จะมีราคาแพงกว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบรนด์ไทยหลายเท่าตัว แต่กลับได้รับความนิยมไม่น้อย ทำให้สถานการณ์การแข่งขันดุเดือดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทุกแบรนด์จึงต้องเร่งปรับกลยุทธ์เพื่อรักษาฐานลูกค้าของตัวเอง และสร้างการเติบโตของยอดขายให้เป็นไปตามเป้าที่วางเอาไว้

ความเคลื่อนไหวของ “มาม่า” เจ้าตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป นอกจากการออกสินค้าใหม่เข้ามากระตุ้นตลาดอย่างต่อเนื่อง อาทิ มาม่าซิกเนเจอร์เส้นเล็กรสเล้งแซบ, มาม่าออเรียนทัลคิตเช่น รสฮอตโคเรียนและรสกุ้งผัดซอสต้มยำ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ต้องการบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบแห้งสไตล์เกาหลี และบะหมี่อิมพอร์ต ซึ่งได้รับความนิยมมากขึ้น โดยวางขายในราคาซองละ 15 บาท ซึ่งเป็นราคาที่เข้าถึงได้ง่าย ขณะที่บะหมี่อิมพอร์ตส่วนใหญ่ราคาจะอยู่ที่ 40-50 บาทซอง

“เวทิต โชควัฒนา” กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท สหพัฒนพิบูลจำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วง 5-6 เดือนที่ผ่านมา ตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในภาพรวมมูลค่า 2 หมื่นล้านบาท มีการเติบโต 6.5% สูงกว่าปกติที่จะเติบโตเพียง 1-2% จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ให้ผู้บริโภคได้จับจ่ายของที่จำเป็น ซึ่งรวมไปถึงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ส่วนเทรนด์การแข่งขันก็พบว่ามีผู้เล่นที่เป็นแบรนด์ต่างประเทศเข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ภาพรวมของมาม่าในครึ่งปีแรกของปี 2562 มียอดขายรวม 4,600 ล้านบาท เติบโตจากครึ่งปีแรกของปีที่ผ่านมา 11.6% ซึ่งการเติบโตส่วนใหญ่มาจากการเปิดตัวบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปออเรียนทัลคิตเช่น หรือมาม่า OK ด้วยจุดขายของการเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบแห้งสไตล์เกาหลี

“หลังจากเปิดตัวมาม่า OK ช่วยให้มาม่าชิงส่วนแบ่งจากบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปนำเข้า และยังเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้มาร์เก็ตแชร์ของมาม่าในภาพรวมเพิ่มขึ้น 3% เป็น 51%”

โดยทิศทางการดำเนินธุรกิจต่อจากนี้ ยังคงให้ความสำคัญในการพัฒนาสินค้าใหม่ให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค โดยเฉพาะเทรนด์สุขภาพที่กำลังมาแรง

ล่าสุด เตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่ 5 รายการ ได้แก่ มาม่าข้าวต้มคัพ 3 รสชาติ อาทิ รสเล้งแซบ รสซุปไข่สาหร่าย และรสกุ้งกระเทียม รวมถึงขยายโปรดักต์ไลน์ของมาม่าโอเค จากเดิมมีแค่รูปแบบซอง เพิ่มเป็นรูปแบบคัพ ขนาด 80 กรัม จำนวน 2 รสชาติ อาทิ รสฮอตโคเรียน และรสผัดไข่เค็ม พร้อมนำนวัตกรรมฝา 2 ชั้นสำหรับบะหมี่แบบแห้ง ช่วยให้เทน้ำออกได้สะดวกขึ้น ตอบโจทย์อินไซต์ของผู้บริโภค

ส่วนมาม่า OK ยังมีแผนโปรโมตสินค้าใหม่ ทั้งช่องทางออฟไลน์ และออนไลน์ โดยจะเน้นสร้างการรับรู้ให้ผู้บริโภคเข้าถึงผลิตภัณฑ์ใหม่ในรูปแบบถ้วย ควบคู่กับการจัดแคมเปญ “มาม่าคัพเปิดรหัสคัพลุ้นขับ MG”

“เวทิต” ย้ำว่า มาม่ายังครองความเป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งตลาดกว่า 51% ความท้าทายของแบรนด์มาม่าจึงไม่ได้อยู่ที่การเพิ่มส่วนแบ่งตลาด แต่จะทำอย่างไรให้สามารถพัฒนาสินค้าเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้

สอดคล้องกับ “ยศสรัล แต้มคงคา” ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบรนด์ “ไวไว” และ “ไวไวควิก” ที่ระบุว่า ปัจจุบันตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมีการแข่งขันรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะบะหมี่ที่อิมพอร์ตจากต่างประเทศ ได้เข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาดมากขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาส่งผลให้ “ไวไว” ต้องพัฒนาสินค้าและรสชาติใหม่ ๆ รวมทั้งการขยายตลาดไปเจาะกลุ่มเป้าหมายพรีเมี่ยมมากขึ้น เช่น การปรับสูตร และแพ็กเกจจิ้งของสินค้า อาทิ ไวไวรสหมูสับ และไวไวรสต้มยำสูตรดั้งเดิม และล่าสุดได้เปิดตัวบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไวไว ชนิดชามขนาด 70 กรัม ชูคอนเซ็ปต์อร่อยจุใจรูปลักษณ์ทันสมัย เพิ่มชิ้นไก่และไข่พร้อมเครื่องปรุงรสให้น้ำซุปเข้มจำหน่ายราคา 25 บาท

ด้านของ “ยำยำ” หลังจากในช่วงที่ผ่านมา ได้ทำการปรับสูตร “รสต้มยำกุ้ง” ใหม่หลังจากได้ศึกษาคอนซูเมอร์อินไซต์พบว่า ผู้บริโภคชื่นชอบรสชาติอาหารที่จัดจ้าน พร้อมกับการดึงพรีเซ็นเตอร์ ปู-ไปรยา สร้างการรับรู้ พร้อมกับแคมเปญการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์เพื่อสื่อสารอย่างครอบคลุม

แหล่งข่าวจากบริษัท วันไทยอุตสาหกรรมอาหาร จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย ยำยำ ระบุว่า บริษัทมีแผนจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ยำยำจัมโบ้รสชาติใหม่เข้ามาทำตลาด ควบคู่กับการปรับเปลี่ยนรสชาติเดิมให้โดนใจผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับการทำกิจกรรมในช่องทางออนไลน์ เช่น เฟซบุ๊ก เพื่อสื่อสารกับคนรุ่นใหม่ อาทิ การให้ข้อมูลสินค้า การจัดกิจกรรมร่วมสนุก แจกรางวัล รวมไปถึงการทำเรียลไทม์คอนเทนต์ เพื่อโฆษณารสชาติต่าง ๆ ของแบรนด์

การแข่งขันที่รุนแรง และความต้องการของผู้บริโภคที่มองหาสิ่งใหม่ ๆ ที่อินเทรนด์อยู่เสมอ โอกาสจึงเป็นของผู้ที่ปรับตัวได้เร็ว และเข้าไปตอบโจทย์ได้อย่างตรงจุด