เบียร์พรีเมียม แดนมังกรเดือด “ชิงเต่า-บัดฯ” เขย่าบัลลังก์ “สโนว์”

ดีกรีความร้อนแรงของตลาดเบียร์แดนมังกร ซึ่งเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่สุดในโลกร้อนระอุขึ้นอีกครั้ง โดยเฉพาะในเซ็กเมนต์พรีเมี่ยมที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง

สะท้อนจากข้อมูลของบริษัทวิจัยการตลาดยูโรมอนิเตอร์ฯ ที่ระบุว่า ปีที่ผ่านมาตลาดเบียร์ของจีนมีมูลค่า 9.3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 4.5 หมื่นล้านลิตร มีปริมาณลดลง 10% เทียบกับช่วง 5 ปีก่อน หรือปี 2556 แต่ด้านมูลค่ากลับเพิ่มขึ้นถึง 40% ซึ่งเป็นผลจากพฤติกรรมของนักดื่มชาวจีนที่เลือกซื้อเบียร์ราคาสูงขึ้น และผู้เล่นในตลาดก็มุ่งกระตุ้นเซ็กเมนต์บน-พรีเมี่ยมมากขึ้นด้วยเช่นกัน

จากแนวโน้มดังกล่าวทำให้ 3 ค่ายเบียร์ยักษ์ใหญ่ในเมืองจีน ทั้ง “ไชน่า รีซอร์สเซส เบียร์” (China Resources Beer) เบอร์ 1 ของตลาด, “ชิงเต่า บริวเวอรี่” (Tsingtao Brewery) และ “เอบี อินเบฟ” (AB InBev) ต่างปรับแผนมุ่งโฟกัสชิงเม็ดเงินในเซ็กเมนต์นี้กันอย่างคึกคัก

โดยแต่ละรายต่างมีกลยุทธ์เด็ดของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นไชน่า รีซอร์สเซส เบียร์ ที่จับมือยักษ์เบียร์สัญชาติเยอรมัน “ไฮเนเก้น” เพื่อดึงแบรนด์ดังเข้ามาขายในจีน ด้านชิงเต่าฯทุ่มทุนระดับ 10 ล้านเหรียญสหรัฐปั้นไลน์อัพสินค้าใหม่ ส่วนเอบี อินเบฟเตรียมระดมทุนด้วยการเข้าตลาดหุ้นฮ่องกงเพื่อนำเม็ดเงินมาซื้อกิจการผู้เล่นท้องถิ่นมาเสริมแกร่ง ทั้งนี้ เป็นการรับมือการหดตัวของเซ็กเมนต์ระดับแมสที่ผู้บริโภครุ่นใหม่หันไปดื่มเครื่องดื่มชนิดอื่นมากขึ้นเรื่อย ๆ

สำนักข่าว “นิกเคอิ เอเชียน รีวิว” รายงานว่า “ไชน่า รีซอร์สเซส เบียร์” เตรียมใช้สิทธิทำตลาดและขายเบียร์ “ไฮเนเก้น” ในประเทศจีนแบบเอ็กซ์คลูซีฟ หลังดีลซื้อหุ้น 40% ของธุรกิจเบียร์ไฮเนเก้นในประเทศจีน มูลค่า 3.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ เสร็จสิ้นเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา หวังใช้ชื่อของเบียร์เยอรมันรุกเซ็กเมนต์พรีเมี่ยม หลังการเน้นทำตลาดด้วยกลยุทธ์ราคาทำให้เบียร์ “สโนว์” ที่เป็นสินค้าหลักและแบรนด์อื่น ๆ ในมือติดภาพลักษณ์ระดับแมสจนยากจะแก้ไข

แต่ด้วยดีลนี้ยักษ์เบียร์สัญชาติจีนสามารถลอนช์สินค้าใหม่ภายใต้แบรนด์ไฮเนเก้นแทนได้ ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาด้านภาพลักษณ์ที่เผชิญอยู่ได้

“โฮ เซียวไห่” ซีอีโอของไชน่า รีซอร์สเซส เบียร์ เปิดเผยว่า ตลาดเบียร์ของจีนนั้นกว้างใหญ่มากจนไม่จำเป็นต้องรุกตลาดต่างประเทศเลย ดังนั้น หลังจากนี้ ไฮเนเก้นจะเป็นหัวหอกในการรุกตลาดเบียร์ในประเทศ โดยเตรียมเปิดตัวและวางขายเบียร์ภายใต้แบรนด์ไฮเนเก้นอีก 4-5 ตัวพร้อม ๆ กัน

ด้าน “ชิงเต่าฯ” เริ่มเดินเครื่องผลิตเบียร์ตัวใหม่ในโรงงานแห่งที่ 3 ที่เมืองชิงเต่าเมื่อต้นเดือน พ.ค. หลังลงทุนขยายไลน์ผลิตไปกว่า 11.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ช่วยให้กำลังผลิตเพิ่มขึ้น 20% เป็น 900 ล้านลิตรต่อปี แม้ทางบริษัทจะไม่เปิดเผยว่ากำลังไลน์การผลิตและผลิตที่เพิ่มขึ้นนี้จะใช้กับสินค้าตัวใด แต่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเป็นสินค้าระดับกลางและไฮเอนด์ เนื่องจากในรายงานประจำปีฉบับล่าสุดบริษัทมีการเพิ่มกำลังผลิตและยกระดับคุณภาพสินค้าจะเป็นตัวผลักดันการเติบโตในปี 2562 นี้

สำหรับ “เอบี อินเบฟ” เจ้าของแบรนด์บัดไวเซอร์ (Budweiser) เตรียมนำ “บัดไวเซอร์ บริววิ่ง โค เอแพ็ค” (Budweiser Brewing Co. APAC) ธุรกิจในเอเชีย-แปซิฟิกเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกง พร้อมตั้งเป้าระดมทุนไม่น้อยกว่า 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อนำมาจ่ายหนี้จากการซื้อกิจการ “ซาบมิลเลอร์”

(SABMiller) อัพเกรดการทำตลาดรับมือการแข่งขันดุเดือดกับไฮเนเก้น ซึ่งก่อนหน้านี้มีการทุ่มงบฯเช่าชั้นวางสินค้าในร้านสะดวกซื้อและซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อโปรโมตและซื้อกิจการผู้เล่นท้องถิ่นเข้ามาเสริมทัพตามแผนผลักดันตัวเองขึ้นจากอันดับ 3 ของตลาดจีนในปัจจุบัน

ความเคลื่อนไหวของ 3 ยักษ์ใหญ่ดังกล่าว จะทำให้ตลาดเบียร์ของจีนคึกคักยิ่งขึ้นอีก และต้องรอลุ้นว่าชิงเต่าฯและเอบี อินเบฟจะสามารถใช้โอกาสนี้เขย่าบัลลังก์ของไชน่า รีซอร์สเซส เบียร์ได้หรือไม่