ทำไมต้อง “อีฟแอนด์บอย” ช็อปสุดปัง…สยบคู่แข่ง

คอลัมน์ จับกระแสตลาด

แม้ภาพรวมสินค้าหลายเซ็กเมนต์ในปีนี้ จะประสบกับสภาพตลาดที่ชะลอตัวจากเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ยังไม่กระเตื้องขึ้นมากนัก แต่สินค้าที่เกี่ยวกับความงาม โดยเฉพาะกลุ่ม “เครื่องสำอาง” ยังคงมีแรงซื้อจากสาว ๆ แทบทุกวัย ที่ยังคงใช้จ่ายกับการดูแลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนอกจากจะทำให้ตลาดเครื่องสำอางภาพรวมยังเติบโต ยังทำให้โมเดลของร้านประเภทมัลติแบรนด์ช็อป ร้านสะดวกซื้อความงาม ก็ได้รับความนิยมมากขึ้นตามไปด้วย เพราะคอนเซ็ปต์ของการมีสินค้าให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่แมสไปจนถึงพรีเมี่ยมตอบโจทย์พฤติกรรมการช็อปของคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบการได้เลือก ได้ลอง สินค้าจำนวนมาก ๆ ก่อนตัดสินใจซื้อ และที่สำคัญ ร้านเหล่านี้ยังมีการจัดโปรโมชั่น หรือมีสินค้าราคาพิเศษ เพื่อเรียกลูกค้าเข้าร้านแทบทุกวัน ตอบโจทย์ภาวะกำลังซื้อในช่วงนี้ได้เป็นอย่างดี

“อีฟแอนด์บอย” ร้านมัลติแบรนด์ความงามสัญชาติไทย เป็นหนึ่งในร้านที่ผู้คนให้ความสนใจกันมาก ด้วยคอนเซ็ปต์การตกแต่งร้านที่เน้นโทนขาว ดำ ชมพู ให้ความรู้สึกทันสมัย ตลอดจนความครบเครื่องของจำนวนแบรนด์และโปรโมชั่น ทำให้ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ชื่อนี้ได้กลายเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ในการช็อปเครื่องสำอางของสาวหลาย ๆ คนไปแล้ว

“หิรัญ ตันมิตร” กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีฟแอนด์บอย จำกัด ผู้บริหารร้านความงามมัลติแบรนด์อีฟแอนด์บอย ย้ำอยู่เสมอว่า สิ่งที่ทำให้ร้านมีการตอบรับที่ดี จนวันนี้มีจำนวนสาขาทั้งหมด 10 สาขา คือการเข้าไปตอบโจทย์ในสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการได้อย่างตรงจุด มีการพัฒนาหน้าร้าน การตกแต่ง ไปจนถึงการบริการของพนักงานอยู่เสมอ เพื่อให้แบรนด์มีความสดใหม่ และเพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้า ตลอดจนโปรโมชั่นที่หมุนเวียนจัดขึ้นทุกวัน เช่น ซื้อ 1 แถม 1 ส่วนลดตั้งแต่ 15-69% ผ่านฟอร์แมตร้านที่เน้นการเปิดในพื้นที่ขนาดใหญ่ เพื่อใส่แบรนด์กว่า 1,000 แบรนด์ ที่มีอยู่กว่า 50,000 รายการ ครอบคลุมตั้งแต่กลุ่มแมส ไปจนถึงลักเซอรี่ โดยให้ลูกค้าได้เลือกสรรอย่างอิสระ ไม่มีพนักงานคอยเดินตาม แต่ก็มีพนักงานประจำอยู่ตามจุด คอยให้บริการข้อมูลของสินค้านั้น ๆ เมื่อลูกค้าต้องการ

“หิรัญ” ชี้ว่า ก่อนหน้านี้ สิ่งสำคัญที่จะเข้ามาสร้างความแตกต่างให้กับร้านอีฟแอนด์บอย ก็คือการจับมือกับคู่ค้า นำเอ็กซ์คลูซีฟแบรนด์ หรือเอ็กซ์คลูซีฟคอลเล็กชั่นเข้ามาจำหน่าย ซึ่งมีสัดส่วนราว 20-30 แบรนด์ในปัจจุบัน แต่ด้วยดีกรีการแข่งขันในตลาดที่เข้มข้นขึ้น ทำให้กลยุทธ์ของร้านเริ่มหันไปโฟกัสกับเครื่องสำอางในกลุ่มเคาน์เตอร์แบรนด์เพิ่มมากขึ้นควบคู่ไปด้วย

“การนำแบรนด์พรีเมี่ยมเหล่านี้เข้ามาเปิดในร้านไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ใช่ว่าใคร ๆ ก็ทำได้ เราจึงปรับสัดส่วนกลุ่มพรีเมี่ยมแบรนด์เพิ่มขึ้นเป็น 80% จากเดิมอยู่ที่ 40% เพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง และรับกับโอกาสที่ตลาดระดับบนมีการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง”

กลยุทธ์ต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้ผลงานในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาของอีฟแอนด์บอย ยังคงมียอดขายที่เติบโตขึ้นในอัตราดับเบิลดิจิต สวนทางกับภาพรวมเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในปัจจุบัน และยังคงรักษาระดับการเติบโตเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ ด้วยการลงทุนขยายสาขา การทำโปรโมชั่น กิจกรรมการตลาดต่าง ๆ การนำแบรนด์ใหม่ ๆ เข้ามาสร้างความน่าสนใจอีก 3-4 แบรนด์ อาทิ Pretty By Flormar จากอิตาลี Moon Shot จากเกาหลี เป็นต้น

โดยเตรียมเปิดสาขาใหม่อีก 3 สาขา อาทิ บางแค แฟชั่นไอส์แลนด์ และเทอร์มินอล 21 อโศก รวมถึงการลอนช์เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซรองรับการสั่งซื้อทั่วประเทศเร็ว ๆ นี้

นอกจากบทบาทของการเป็นผู้บริหารร้านและสินค้าแล้ว อีฟแอนด์บอยยังสร้างฐานที่มั่นเพิ่มเติม ด้วยการพัฒนาสินค้าภายใต้แบรนด์ของตัวเอง “EVEANDBOY Beauty” นำร่องในสินค้าประเภท ฟองน้ำแต่งหน้า ก่อนแตกไลน์เพิ่มในกลุ่มลิปสติก บรัชออน และเตรียมที่จะลอนช์คอลเล็กชั่นใหม่ของลิปสติกเนื้อลิควิดอีก 20 สี ในช่วงปลายปี

แม้จะเป็นโลคอลแบรนด์ แต่ต้องบอกว่าความแรงของอีฟแอนด์บอยนั้นไม่เป็นรองร้านมัลติแบรนด์จากต่างประเทศเลยทีเดียว