ยักษ์อุตสาหกรรมตุรกีผนึกฮิตาชิ รับไม้ต่อธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้านอกญี่ปุ่น

แม้ “ฮิตาชิ” ยักษ์อุตสาหกรรมสัญชาติญี่ปุ่นจะพยายามทำตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในต่างประเทศมานานหลายสิบปี โดยมี “บริษัท ฮิตาชิ โกลบอล ไลฟ์ โซลูชันส์” เป็นผู้ดูแลกิจการเครื่องใช้ไฟฟ้าในต่างประเทศ แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร สะท้อนจากสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศที่มีเพียง 20% ของรายได้รวม หรือประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยตลาดหลัก ๆ เพียงในภูมิภาคเอเชียและตะวันออกกลางเท่านั้น

สภาพนี้ทำให้ฮิตาชิต้องปรับโครงสร้างโดยเน้นธุรกิจหลักอื่น ๆ อาทิ อุตสาหกรรม เคมีภัณฑ์ ฯลฯ ด้วยการขายธุรกิจผลิตและจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้านอกญี่ปุ่นให้กับผู้สนใจรับช่วงไปดูแลแทน

สำนักข่าว “นิกเคอิ เอเชีย” รายงานว่า “อาเชลิค” (Arcelik) ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่สัญชาติตุรกี ซึ่งมีแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าในเครือ 12 แบรนด์ อาทิ “เบโค” (Beko) “ฟราเวล” (Flavel) “กรุนดิก” (Grundig) และอื่น ๆ ได้บรรลุข้อตกลงในการซื้อธุรกิจผลิต-จัดจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าในต่างประเทศของ “ฮิตาชิ” คิดเป็นมูลค่าประมาณ 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

โดยดีลนี้ “ฮิตาชิ โกลบอล ไลฟ์ โซลูชันส์” จะโอนธุรกิจผลิต-จัดจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์ฮิตาชินอกญี่ปุ่นให้กับบริษัทร่วมทุนที่ตั้งขึ้นใหม่ ซึ่งมีแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าจากตุรกีเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 60% ส่วนฮิตาชิประเทศญี่ปุ่นถือ 40% ที่เหลือ โดย อาเชลิค กลายเป็นผู้รับช่วงต่อการผลิต จัดจำหน่าย บริการหลังการขาย เครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์ฮิตาชินอกญี่ปุ่นทั้งหมด รวมถึงทรัพย์สินต่าง ๆ ประกอบด้วยโรงงาน 2 แห่งในไทยและจีน มีกำลังผลิตเครื่องซักผ้าและตู้เย็นรวมกัน 3 ล้านยูนิตต่อปี บริษัทขายอีก 10 แห่งที่ตั้งอยู่ในประเทศต่าง ๆ รวมถึงพนักงานประมาณ 3,800 คนไปด้วย

“เคจิ โคจิมะ” ประธานฮิตาชิ โกลบอล ไลฟ์ โซลูชันส์ระบุว่า การร่วมทุนครั้งนี้จะช่วยเสริมแกร่งให้กับธุรกิจของทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งความสามารถในการแข่งขันบนเวทีโลก และความก้าวหน้าของเทคโนโลยี อย่างไรก็ตาม ดีลนี้จะต้องรอการรับรองจากหน่วยงานกำกับดูแลการค้าในแต่ละประเทศ ที่ทั้งอาเชลิค และฮิตาชิมีธุรกิจอยู่เสียก่อน โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนภายในเดือนเมษายน 2564 ซึ่งจะมีการประกาศแผน 5 ปีของบริษัทร่วมทุนใหม่นี้

ความเคลื่อนไหวนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนรุกตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในย่านเส้นทางสายไหมหรือย่านตะวันออกกลาง เอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเอเชียตะวันออกของอาเชลิค ที่หลายปีที่ผ่านมาได้รุกเข้าสู่ตะวันออกกลางและเอเชียด้วยกลยุทธ์หลากหลาย ทั้งการร่วมมือกับยักษ์อุตสาหกรรมอินเดีย “ทาทา กรุ๊ป” ตั้งบริษัทร่วมทุนหรือเข้าซื้อกิจการท้องถิ่นในบังกลาเทศ และปากีสถาน รวมถึงส่งแบรนด์เบโคเข้ามารุกตลาดประเทศไทยเมื่อปี 2558 พร้อมตั้งโรงงานผลิตตู้เย็นที่นิคมเหมราช จังหวัดระยอง เพื่อจำหน่ายในไทยและส่งออกไปยังยุโรป

“ฮาคาน บูลเกอลู” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของอาเชลิคอธิบายว่า ดีลนี้ทำให้ส่วนเอเชีย-แปซิฟิกของแผนเส้นทางสายไหมสมบูรณ์ จากการมีโครงสร้างพื้นฐานพร้อมสำหรับสร้างการเติบโต รวมถึงรับมือการแข่งขันกับแบรนด์จีนและเกาหลี โดยฮิตาชิจะสามารถเข้าถึงลูกค้าในยุโรปได้ทั่วถึงยิ่งขึ้นผ่านช่องทางกระจายสินค้าของอาเชลิค และบริษัทเองจะสามารถรุกตลาดเอเชีย-แปซิฟิกได้ง่ายขึ้นเช่นกัน

โดยเพื่อสร้างการเติบโตระดับดับเบิลดิจิตทุกปีตามเป้าที่วางไว้ หลังจากนี้ บริษัทจะลงทุนเพิ่มเติมในโรงงานของฮิตาชิที่ไทยและจีน รวมถึงอาจลงทุนเพิ่มในประเทศอื่น ๆ ในย่านเอเชียตะวันออกอีกด้วย

พร้อมระบุว่า ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในเอเชียยังเติบโตได้อีกมาก สะท้อนจากข้อมูลคาดการณ์การเติบโตของตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ตลาดโลกมีแนวโน้มเติบโตปีละ 3.5% แต่ตลาดเอเชียจะเติบโตได้ถึง 6-7% ต่อปี หรือสูงกว่าตลาดโลกเท่าตัว โดยเฉพาะเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ชนชั้นกลางขยายตัวต่อเนื่อง น่าจะช่วยสร้างการเติบโตให้บริษัทได้อีกนับ 10 ปี

“การระบาดของโควิด-19 นับเป็นปัจจัยบวกสำหรับตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า เพราะทำให้ผู้บริโภคอยู่บ้านมากขึ้น และยังสนใจความสะอาดของสิ่งของรอบตัวทั้งเสื้อผ้า อาหาร และอื่น ๆ มากกว่าเดิม ช่วยผลักดันยอดขายเครื่องซักผ้า และเครื่องล้างจานในทุกตลาดทั่วโลก จนช่วงที่ผ่านมาโรงงานบริษัททุกแห่งต้องเพิ่มกะเป็น 3 กะเพื่อให้ทันกับดีมานด์ และเชื่อว่าเทรนด์นี้จะต่อเนื่องไปในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ด้วยเช่นกัน”

นอกจากนี้ บริษัทแม่ของอาเชลิค “คอช โฮลดิ้ง” (Koc Holding) ยักษ์อุตสาหกรรมสัญชาติตุรกี ซึ่งมีธุรกิจตั้งแต่ยานยนต์ไปจนถึงการเงิน ยังสนใจ “ลูมาดา” (Lumada) เทคโนโลยีเอไอของฮิตาชิมาก และเชื่อว่าจะมีการนำเทคโนโลยีนี้มาต่อยอดกับธุรกิจต่าง ๆ ในเครืออีกหลายด้าน

สำหรับแผนต่อจากนี้ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของอาเชลิคกล่าวว่า จะมุ่งไปยังภูมิภาคตะวันออกกลางที่นอกจากจะเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหมแล้ว ยังเป็นพื้นที่ที่ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้ากำลังเติบโตได้ดี โดยเร็ว ๆ นี้จะมีดีลควบรวมกิจการเช่นเดียวกัน เพื่อเสริมแกร่งด้านกำลังผลิตให้กับบริษัทในเครือที่ทำธุรกิจอยู่ในภูมิภาคนี้อยู่ก่อนแล้ว

“อียิปต์และอิหร่านเป็น 2 ตลาดที่น่าสนใจมาก โดยเฉพาะในอียิปต์ที่ฮิตาชิแข็งแกร่งอยู่แล้ว แต่ในอิหร่านยังติดปัญหาจากนโยบายคว่ำบาตรอิหร่านของสหรัฐ ทำให้เราไม่สามารถเข้าไปทำธุรกิจได้ แต่ก็ต้องลงทุนเพื่อเตรียมตัวสำหรับโอกาสในอนาคตไว้ก่อน”

ก่อนการรวมทุนกับฮิตาชิบริษัทอาเชลิคมีธุรกิจอยู่กว่า 145 ประเทศ และเป็นผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่อันดับ 2 ของยุโรปในด้านส่วนแบ่งการตลาดเชิงปริมาณ มีโรงงาน 22 แห่ง ใน 8 ประเทศ และในปี 2562 ที่ผ่านมามีรายได้รวมทุกแบรนด์ในเครือที่ 5 พันล้านยูโร หรือประมาณ 1.84 แสนล้านบาท โดยมาจากยุโรป 45%

สำหรับในประเทศไทยมีเบโคหนึ่งในแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าในเครืออาเชลิคเข้ามาทำตลาดตั้งแต่ช่วงปี 2558 มีตู้เย็นและเครื่องซักผ้าเป็นสินค้าหัวหอก รวมถึงขยายไลน์อัพสินค้าต่อเนื่อง ปี 2562 ที่ผ่านมามีรายได้ประมาณ 1,000 ล้านบาท และวางเป้ารายได้แตะ 3,000 ล้านบาทในปี 2567