โมลนูพิราเวียร์ 2 ล้านเม็ดถึงไทยแล้ว เตรียมส่งให้ รพ.สัปดาห์หน้า

ไทยรับโมลนูพิราเวียร์ 2 ล้านเม็ด

กรมการแพทย์ รับยา โมลนูพิราเวียร์ 2 ล้านเม็ด เตรียมกระจายให้โรงพยาบาลต่าง ๆ สัปดาห์หน้า

วันที่ 18 มีนาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท เอ็มเอสดี ประเทศไทย ได้ส่งมอบยาต้านไวรัสโควิด-19 “โมลนูพิราเวียร์” จำนวน 2 ล้านแคปซูล หรือ 5 หมื่นคอสการรักษา ให้กับกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขแล้ว โดยจะมีการพิจารณาใช้ในกลุ่ม 607 ซึ่งเป็นผู้ป่วยอายุ 60 ปีขึ้นไป และกลุ่มผู้ป่วยที่มีโรคเรื้อรัง 7 โรค

นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในเบื้องต้นจะมีการพิจารณาใช้ยาตัวนี้กับผู้ป่วยกลุ่ม 607 คือ กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และกลุ่มผู้ป่วยที่มีโรครื้อรัง 7 โรคประจำตัว รวมถึงอาจมีการพิจารณาใช้ยาตัวนี้กับผู้ป่วยกลุ่มอายุ 18 ปีขึ้นไปเพิ่มเติมในอนาคต หากมีจำนวนยาที่มากขึ้น

โดยแนวทางเบื้องต้นของการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ด้วยยาตัวนี้ ผู้ป่วยจะต้องได้รับยาโมลนูพิราเวียร์ วันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 4 แคปซูล ติดต่อกันเป็นเวลา 5 วันจนครบ (40 แคปซูล) ยาโมลนูพิราเวียร์จะช่วยลดโอกาสในการเสียชีวิตหรือเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลได้ในผู้ป่วยที่เสี่ยงจะมีอาการรุนแรง หากได้รับยาภายใน 5 วันนับจากวันที่เริ่มมีอาการ

อย่างไรก็ตามทางกรมฯ จะกำหนดแนวทางการกระจายยาและแนวทางการใช้ยาอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนเตรียมกระจายยาถึงโรงพยาบาลต่าง ๆ ในสัปดาห์หน้า

โดยมอบหมายให้ บริษัท ซิลลิค ฟาร์มา จำกัด ดำเนินการบริหารจัดการและกระจายยาต้านไวรัสชนิดรับประทาน จำนวน 2 ล้านแคปซูลนี้ ตามนโยบายและแผนงานของกระทรวงฯ เพื่อให้แพทย์สามารถใช้ยาต้านไวรัสชนิดรับประทานนี้เป็นทางเลือกในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ตามแนวทางการรักษา (Clinical Practice Guideline)

สำหรับการส่งมอบยาล็อตนี้ เป็นผลมาจากการเจรจาข้อตกลงเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ก่อนทำการลงนามในข้อตกลงการจัดซื้อจัดหายาต้านไวรัสชนิดรับประทาน ระหว่างบริษัท เอ็มเอสดี และกรมการแพทย์ เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา

ด้าน ดร.แมรี เสรฐภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มเอสดี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทภูมิใจที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยให้คนไทยต่อสู้กับโควิด-19 และมีส่วนร่วมในการสนับสนุนการเตรียมความพร้อม เพื่อช่วยให้ประเทศไทยสามารถเปลี่ยนสถานการณ์จากการระบาดใหญ่ไปสู่โรคประจำถิ่นตามนโยบายของภาครัฐ ทำให้ประเทศไทยและประชาชนในประเทศสามารถกลับมาดำเนินชีวิต ไปทำงาน และมีกิจกรรมทางสังคมเพื่อฟื้นคืนเศรษฐกิจได้อีกครั้ง อย่างค่อยเป็นค่อยไปและปลอดภัย