“ฮาวเด้น แมกซี่”ปลื้มรายได้ทะลุ 320 ล้าน จัดทัพใหม่รับการเติบโตยั่งยืน

“ฮาวเด้น แมกซี่” ตอกย้ำผู้นำธุรกิจบริการประกันภัย เผยรายได้ปี’66 กว่า 320 ล้านบาท คาดปี’67 เติบโต 8% ปรับเปลี่ยนโลโก้ใหม่ พร้อมเดินหน้าจัดทัพองค์กรครั้งใหญ่ รองรับการเติบโตอย่างยั่งยืน

วันที่ 30 ตุลาคม 2566 นายจิตวุฒิ ศศิบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาวเด้น แมกซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัดและนายกสมาคมนายหน้าประกันภัยไทย กล่าวว่า ผลประกอบการประจำปี 2566 สร้างรายได้กว่า 320 ล้านบาท คาดการณ์ปีงบประมาณ 2567 เติบโตขึ้นอีกอย่างน้อย 8% บริษัทยังปรับโลโก้ใหม่ ให้มีความทันสมัย สะท้อนความหลากหลายรับเทรนด์โลกและจัดทัพองค์กรครั้งใหญ่ ชูจุดแข็งความเป็นมืออาชีพด้านประกันภัย อีกทั้งมุ่งพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากร เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า รองรับการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

จิตวุฒิ ศศิบุตร (ขวา) และ ยุทธนา ม้ามณีแดง

กวาดเบี้ยประกันเฉียด 5 พันล้าน

“ฮาวเด้น แมกซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ มีสำนักงานอยู่ในกรุงเทพฯ และจังหวัดภูเก็ต รวม 3 แห่ง พร้อมบุคลากรคุณภาพกว่า 150 ชีวิต มีเบี้ยประกันภัยทั้งประเภทตรงและต่อ รวมกว่า 4,500 ล้านบาท และสามารถสร้างรายได้ในปี 2566 กว่า 320 ล้านบาท”

บริษัทยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรอย่างต่อเนื่อง เพื่อการบริการที่เป็นเลิศและครบวงจร ภายใต้ผลิตภัณฑ์การประกันภัย อาทิ ประกันภัยรถยนต์ (Motor & Affinity), ประกันทรัพย์สินและความรับผิดต่อบุคคลภายนอก (Property & Casualty), ประกันภัยขนส่งและตัวเรือ (Marine & Logistic), ประกันภัยด้านวิชาชีพและการเงิน (Financial Lines), ประกันภัยอัญมณีและงานศิลปะ (Jeweler Block & Fine Arts), ประกันภัยธุรกิจพลังงาน (Power & Energy), ประกันภัยโครงการพิเศษและพลังงานทางเลือก (Specialty) เป็นต้น การันตีความสำเร็จด้วยรางวัลนายหน้าประกันภัยวินาศภัยประเภทนิติบุคคลดีเด่น จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) 3 ปีติดต่อกัน (2564-2566)
ซึ่งคัดเลือกจากการเติบโตของธุรกิจ การมีจรรยาบรรณ และมาตรฐานในการทำงาน รวมถึง
มีการพัฒนาบุคลากร และการให้บริการที่ดีอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุดได้ปรับเปลี่ยนโลโก้ใหม่ สร้างสรรค์ขึ้นจากแนวคิดที่มีความทันสมัย ตัวอักษรต่อเนื่อง ง่ายต่อการจดจำ มีหลากสี สอดคล้องกับบุคลากรและธุรกิจยุคใหม่ ที่ต้องการความหลากหลาย และสะท้อนถึงวัฒนธรรมองค์กรที่มีความทันสมัย รวดเร็ว เข้าถึงง่าย และมีความน่าเชื่อถือ

ร่วมทุน MGC-ASIA  โมบิลิตี้ครบวงจร

ในฐานะบริษัทร่วมทุนกับบริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) ถือเป็นจุดแข็งของทั้งการดูแลลูกค้าในกลุ่มรถยนต์ โดยเฉพาะในเครือ MGC-ASIA ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู และมินิ มิลเลนเนียม ออโต้, ซัมมิท ฮอนด้า ออโตโมบิล กลุ่มลักเซอรี่ อย่าง โรลส์-รอยซ์ รวมถึงแบรนด์พาร์ตเนอร์ ได้แก่ แอสตัน มาร์ติน, มาเซราติ, เปอโยต์ และ จี๊ป พร้อมกันนี้ ยังดูแลประกันภัยให้กับรถเช่าระยะยาวของ มาสเตอร์คาร์ เร้นเทิล  และระยะสั้น ซิกท์ รถเช่าประเทศไทย อีกทั้งรถใช้แล้วจาก Master Certified Used Car อย่างไรก็ดี ธุรกิจรายย่อยจะมีความพิเศษ คือเป็นงานที่มีรายละเอียดมากและการแข่งขันสูง มีค่าดำเนินงานใกล้เคียงกับลูกค้ากลุ่มองค์กร บริษัทจึงไม่นิ่งนอนใจ และขยายสัดส่วนรายได้ให้เติบโตจากกลุ่มลูกค้าองค์กร นอกเหนือจากการดูแลลูกค้าของ MGC-ASIA ไปพร้อมกัน โดยในปัจจุบันรายได้จากกลุ่ม Motor และ Nonmotor มีสัดส่วนเท่ากับ 44%:56% ในปีงบประมาณ 2566 (ตุลาคม 2565 ถึงกันยายน 2566)

Nonmotor สร้างรายได้ต่อเนื่อง

ธุรกิจ Nonmotor จะมีกลุ่มลูกค้าองค์กร ในผลิตภัณฑ์ประกันทรัพย์สินและความรับผิดต่อบุคคลภายนอก/การประกันภัยการค้ำประกันภัยลูกจ้าง เป็นสัดส่วนถึง 27% นอกจากนี้ ยังมีการรุกเข้าไปในผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่ใช้ความชำนาญของกลุ่มบริษัท ฮาวเด้น เพื่อเสริมสร้างการเติบโต เช่น กลุ่มพลังงานหมุนเวียน, กลุ่มพลังงานสะอาด โดยทีมผู้เชี่ยวชาญเป็นนายหน้าการรับประกันภัยต่อ และการเป็นนายหน้าการรับประกันภัยการขนส่งทั้งทางน้ำและทางบก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์จากพี่น้องเกษตรกรและการท่องเที่ยวในภาคใต้ พร้อมกับการขยายตัวในกลุ่มการเงิน ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันความเสี่ยงจากการละเมิดบุคคลภายนอก ทั้งตัวบริษัท กรรมการ และผู้บริหาร หรือกระทั่งการป้องกันความเสี่ยงในกรณีของการควบรวมบริษัท หรือความไม่สำเร็จในโครงการขนาดใหญ่ กล่าวได้ว่า เราเป็นผู้เชี่ยวชาญเพียงหนึ่งเดียว ที่จะให้คำแนะนำสำหรับกลุ่มลูกค้าที่มีมูลค่าสูง เช่น งานแสดงเครื่องประดับ นิทรรศการศิลปะ ทั้งในและต่างประเทศ

ด้านนายยุทธนา ม้ามณีแดง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้า บริษัท ฮาวเด้น แมกซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด กล่าวถึงทิศทางการเติบโตของบริษัทในอนาคตว่า เพื่อให้บรรลุถึงเป้าหมายในปีงบประมาณ 2567 (ตุลาคม 2566-กันยายน 2567) บริษัทมองการเติบโตของธุรกิจประกันภัย รวมถึงผลกระทบจากเศรษฐกิจมหาภาคของประเทศและโลกที่มีความผันผวน รวมถึงรายได้ที่หายไปในส่วนกรมธรรม์ที่ไม่มีการต่ออายุ เช่น กรมธรรม์ประกันภัยการก่อสร้าง รวมถึงลูกค้าที่ลดเบี้ยประกันภัยเมื่อต่ออายุกรมธรรม์ โดยประมาณการเติบโตอยู่ที่ 8% จากรายได้รวมในปีงบประมาณ 2566 ที่มีรายได้สุทธิอยู่ที่ 327 ล้านบาท เป็น 353 ล้านบาท ในปีงบประมาณ 2567

ยุทธนา ม้ามณีแดง

จัดทัพองค์กรเติบโตอย่างยั่งยืน

บริษัทมีการจัดทัพองค์กรและบุคลากร อาทิ โปรแกรมขยายระยะการรับประกัน (Extended Warranty) ที่ส่วนใหญ่บริษัทประกันจะจัดอยู่ในกลุ่มที่ไม่ใช่ยานยนต์ ก็จะรวบโปรแกรมนี้เข้ากับกลุ่มยานยนต์ เรียกรวมว่า Affinity ช่วยเพิ่มความสะดวกในการติดต่อช่องทางดียว พร้อมจัดทัพฝ่ายขายแบบ Cross Selling ที่ใช้พนักงานดูแลเพียงคนเดียว รวมถึงเพิ่มบุคลากรที่มีความเชียวชาญด้าน Cyber Insurance, Trade Credit และ Marine & Logistics และที่ขาดไม่ได้คือ การฝึกอบรมบุคลากรในหลักสูตรที่เกี่ยวข้อง พร้อมมอบทุนการศึกษาในหลักสูตร ANZIIF (Australian and New Zealand Institute of Insurance and Finance) ที่มีความเข้มข้น เพื่อก้าวสู่การเป็นนักประกันภัยระดับสากล

ปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับผู้บริโภค

มีการเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ อีกทั้งยังคงเก็บผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ ซึ่งบริษัทจะใช้ความได้เปรียบจากการเป็นผู้เชี่ยวชาญ เช่นในกลุ่มพลังงาน พลังงานสะอาด และพลังงานทางเลือก รวมทั้งการเป็นที่ปรึกษาในเรื่องของ Carbon Credit โดยปัจจุบัน ฮาวเด้น แมกซี่ เป็นผู้นำในกลุ่มพลังงานทางเลือก ทั้งในประเทศไทยและยุโรป

แชร์มุมมองกับคู่ค้า

มีการประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นกับคู่ค้า เชิญผู้เชี่ยวชาญทั้งในและต่างประเทศ ร่วมหารือ แนะนำผลิตภัณฑ์ แลกเปลี่ยนข้อมูล วิเคราะห์แนวโน้มของอุตสาหกรรม ที่มีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงในธุรกิจประกันภัย พร้อมปรับปรุงคุณภาพของข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์ที่แม่นยำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ MGC-ASIA ที่มีลูกค้ารีเทลครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ รวมกับลูกค้าองค์กรอีกหลายแสนราย เรียกว่าครอบคลุมทั้งธุรกิจต่อธุรกิจ (B2B), การขายผลิตภัณฑ์สู่ผู้บริโภค (B2C) และระหว่างธุรกิจต่อธุรกิจสู่ผู้บริโภค (B2B2C) ขณะที่ ฮาวเด้น แมกซี่ มีธุรกรรมนับแสนรายการต่อปี เราต้องการวิเคราะห์ข้อมูลในหลาย ๆ มิติ รวมถึงสร้างความเข้าใจให้พนักงาน เพื่อนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายร่วมกัน

มองลูกค้าเป็นศูนย์กลาง

มีการปรับทิศทางการทำงาน ปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้โดนใจ เพื่อเข้าถึงความต้องการของลูกค้ามากขึ้น ทั้งนี้ บริษัทได้ตั้งเป้าหมายสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจ ในกลุ่มลูกค้ารายย่อย และคิดค้นผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานทางเลือก Financial Lines, Cyber Insurance พร้อมรักษาสัดส่วนทางการตลาดในกลุ่ม Property & Casualty, Employee Benefits และ Marine อย่างต่อเนื่อง ด้วยเชื่อมั่นว่าการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ โดยมีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง การรักษาสมดุลในกลุ่มธุรกิจรายย่อย และกลุ่มธุรกิจองค์กร การนำข้อมูลที่มีอยู่มาวิเคราะห์ถึงพฤติกรรมลูกค้า ประกอบกับการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ พร้อมพัฒนาทักษะให้บุคลากร จะช่วยให้บริษัทบรรลุเป้าหมาย รายได้สุทธิ และรักษาอัตราการเติบโต ได้ตามแผนที่กำหนด