มิตซูบิชิ มอเตอร์ เผยลงทุน500 ล้านบาท ขึ้นไลน์ผลิตรถยนต์เทคโนโลยีฟูลไฮบริดครั้งแรกในไทย กับรถ Mitsubishi Xpander HEV และ Xpander Cross HEV ขายราคาช่วงแนะนำ 9.12-9.46 แสนบาทถึงวันที่ 7 เมษายน 2567
วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 นายเรียวอิจิ อินาบะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่ามิตซูบิชิเดินหน้าตามแผนธุรกิจระยะกลาง โดยลงทุนมูลค่า 500 ล้านบาท เพื่อขึ้นไลน์ผลิตรถยนต์มิตซูบิชิ เอ็กซ์ แพนเดอร์ ไฮบริด (Mitsubishi Xpander HEV) และเอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส ไฮบริด (Xpander Cross HEV)
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
“เราใช้วิธีปรับปรุงไลน์ผลิตอีโคคาร์บางส่วนเท่านั้น การผลิตอีโคคาร์ยังคงเดินหน้าผลิตอย่างต่อเนื่อง”
นายอินาบะ กล่าวอีกว่า การเปิดตัวในไทยครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกของโลก และนี่คือก้าวแรกเท่านั้น ส่วน Xpander ที่เป็นเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 จะเดินหน้าทำตลาดต่อไป โดยนำเข้ามาจากอินโดนีเซียส่วนอนาคตจะยกเลิกหรือไม่ลูกค้าจะเป็นผู้ตัดสิน
ปัจจุบัน มิตซูบิชิ มีส่วนแบ่งในตลาดสมอร์เอ็มพีวีอยู่ประมาณ 40% หลังจากส่งรถสองรุ่นนี้ ออกสู่ตลาดบริษัทตั้งเป้าว่าจะขึ้นเป็นผู้นำในตลาดดีได้ไม่ยาก
สำหรับ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ไฮบริด (Mitsubishi Xpander HEV) มาพร้อมเทคโนโลยีฟูลไฮบริด Full Hybrid ครั้งแรกในรถยนต์อเนกประสงค์ 7 ที่นั่งขนาดเล็ก (มินิเอ็มพีวี)
มีให้เลือก 2 รุ่นย่อยได้แก่ Xpander HEV และ Xpander Cross HEV ซึ่งได้รับการถ่ายทอดและพัฒนาเทคโนโลยีฟูลไฮบริดมาจากความสำเร็จของเทคโนโลยี ปลั๊ก-อินไฮบริด (PHEV) ของมิตซูบิชิ ที่ผสานการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ไว้อย่างสมบูรณ์
มาพร้อมกับเครื่องยนต์ใหม่ 1.6 ลิตร MIVEC ให้กำลังสูงสุด 95 แรงม้า แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 134 นิวตัน-เมตร ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 116 แรงม้า แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 255 นิวตัน-เมตร โดยเทคโนโลยีฟูลไฮบริด มาพร้อม เครื่องกำเนิดไฟฟ้า (Generator), แบตเตอรี่ขับเคลื่อน (Drive Battery), มอเตอร์ไฟฟ้า (Electric Motor)
และระบบส่งกำลังแบบ Transaxle (Transmission-less) โดยรูปแบบการขับเคลื่อนด้วยระบบไฮบริดสามารถทำงานได้ทุกรูปแบบเช่นเดียวกับระบบปลั๊ก-อินไฮบริดพร้อมความสามารถในการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานได้อย่างอัตโนมัติ ได้แก่ EV, Hybrid-Series, Hybrid-Parallel และ Regenerative
และยัง มาพร้อมกับโหมดการขับขี่ 7 โหมดด้วยกันได้แก่
- Charge Mode
- EV-Priority Mode
- Normal Mode
- Wet Mode
- Gravel Mode
- Tarmac Mode
- Mud Mode
มีการติดตั้งระบบ Active Yaw Control (AYC) เพิ่มระบบระบายความร้อนเครื่องยนต์ (Electric Water Pump of Engine) มิตซูบิชิ ได้เปลี่ยนคอมเพรสเซอร์แอร์เป็นระบบไฟฟ้า (Electric Compressor of A/C) ซึ่งสามารถทำความเย็นได้ในขณะที่ขับเคลื่อยด้วยระบบไฟฟ้า 100% โดยเครื่องยนต์ไม่ทำงาน
ด้านการออกแบบภายนอก มีตราสัญลักษณ์ Logo HEV บ่งบอกว่าเทคโนโลยีฟูลไฮบริดดิสเบรกล้อหลังซึ่งทำให้รถยนต์คันนี้มีระบบดิสเบรก ทั้ง 4 ล้อได้รับการปรับเปลี่ยนช่วงล่างใหม่ทั้งหมด มีระยะความสูงจากพื้นถึงตัวรถ (High Ground Clearance) อยู่ที่ 205 มิลิเมตร แต่มีจุดศูนย์ถ่วงของตัวรถ (Center of Gravity) ต่ำลง 10 มิลลิเมตร
ส่วนภายในห้องโดยสาร ออกแบบมาตรวัดบริเวณฝั่งผู้ขับขี่ซึ่งเป็นหน้าจอ LCD ขนาด 8 นิ้ว ปลี่ยนดีไซน์พวงมาลัยใหม่แบบ 3 ก้าน คันเกียร์ปรับเปลี่ยนเป็นเกียร์ไฟฟ้า (Electric Shift)
ติดตั้งสวิทช์ปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ (Drive Mode Switch)
นอกจากนี้มิตซิบิ ได้มอบการรับประกันคุณภาพรถใหม่ ตลอด 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร
- แพ็กเกจบำรุงรักษานาน 5 ปี
- ฟรีค่าแรงสำหรับการเช็กระยะตลอด 5 ปี
- บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมงนาน 5 ปี
- พร้อมกับประกันภัยชั้น 1 ฟรีหนึ่งปี
- เพื่อยกระดับความเชื่อมั่นในระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด บริษัทจึงขยายการรับประกันระบบขับเคลื่อนไฮบริด ยาวนานถึง 5 ปี โดยไม่จำกัดระยะทาง
- และขยายการรับประกันพิเศษสำหรับแบตเตอรี่ขับเคลื่อนไฮบริดในปีที่ 6-10 โดยไม่จำกัดระยะทาง
นอกจากนี้ยังได้ มอบข้อเสนอสุดพิเศษให้ลูกค้าทุกท่านเป็นเจ้าของรถยนต์รุ่นใหม่ทั้งสองรุ่นได้ง่ายยิ่งขึ้นด้วยดอกเบี้ยพิเศษ 0% สำหรับการดาวน์ 25% และผ่อนนาน 48 เดือน
สำหรับราคาจำหน่าย ดังนี้
- Mitsubishi Xpander HEV อยู่ที่ 912,000 บาท
- Mitsubishi Xpander Cross HEV อยู่ที่ 946,000 บาท
มิตซูบิชิ ยืนยันราคาขายนี้ในช่วงแนะนำตั้งแต่วันนี้ ไปจนถึงวันที่ 7 เมษายน 2567 ก่อนจะพิจารณาปรับราคาจำหน่ายอีกครั้ง