คอลัมน์ : Market-think ผู้เขียน : สรกล อดุลยานนท์
โลกหมุนเร็วและเปลี่ยนแปลงเร็วจริง ๆ ครับ
ตัวอย่างที่ดีที่สุด คือ เรื่องการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก
- “ทางรัฐ” ซูเปอร์แอปแห่งชาติ รองรับแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท
- สหรัฐ อังกฤษ ฝรั่งเศส ไทย และหลายชาติ ออกแถลงการณ์ร่วม เรียกร้องปล่อยตัวประกันในกาซา
- BITE SIZE : ถอนเงินไม่ใช้บัตร ข้ามแบงก์ได้แล้ว ธนาคารไหนรองรับบ้าง
ในอดีต การถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกเป็นเรื่องที่นักการเมืองสามารถนำมาใช้หาเสียงได้
รัฐบาลไหนทำให้คนไทยได้ดูบอลโลกฟรี
คนจะเชียร์
แต่วันนี้คนไทยฉลาดขึ้น
เขาไม่ได้คิดแค่เพียงได้ดูบอลโลกฟรีแล้วดีใจ
แต่เริ่มตั้งคำถามว่าเงินที่รัฐต้องเสียไปเพื่อให้คนไทยได้ดูบอลฟรีมันคุ้มค่าหรือไม่
เพราะครั้งนี้ต้องใช้เงินถึง 1,591 ล้านบาท
หรือ 42 ล้านเหรียญ
เป็นค่าลิขสิทธิ์ 36 ล้านเหรียญ ที่เหลือเป็นค่าภาษีและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ
ตอนแรกรัฐบาลคงคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ได้คะแนน
และคิดง่าย ๆ ว่าแค่เอาเงินจาก กสทช.มาใช้ก็เรียบร้อยแล้ว
ง่าย ๆ สบาย ๆ ไม่ต้องไปหักคอจากภาคเอกชน
เขาลืมไปว่าคนไทยฉลาดขึ้น และรู้จักตั้งคำถามถึงความเหมาะสมของการใช้จ่ายเงิน
กสทช.มีเงินกองทุนอยู่ 2,000 ล้านบาท เอาไว้ใช้พัฒนาระบบโทรคมนาคมเพื่อคนด้อยโอกาส
แต่รัฐจะไปล้วงเงินในกระเป๋ากองทุนนี้มา 1,600 ล้านบาท เพียงเพื่อให้ “คอบอล” ได้ดูการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกฟรี
ขนาดผมเป็น “คอบอล” ที่อยากดูบอลโลกยังอายเลยครับ
โชคดีที่ กสทช.ยังมีสติพอที่จะยอมจ่ายแค่ 600 ล้านบาท
แต่ 600 ล้านบาทหลายคนก็ยังบอกว่าเยอะเกินไป
ถามว่าปัญหาของเรื่องนี้คืออะไรครับ
เพราะประเทศต่าง ๆ ในอาเซียน ซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกต่ำกว่าเมืองไทย
เวียดนาม 532 ล้านบาทเองครับ
จำนวนประชากรก็ใกล้เคียงกัน ถ่ายทอดสดครบ 64 แมตช์เหมือนกัน
อินโดนีเซีย ประชากรมากกว่าไทยหลายเท่า ยังจ่ายค่าลิขสิทธิ์ 1,456 ล้านบาท
ส่วนประเทศอื่น ๆ น้อยกว่าไทยทั้งนั้น
เหตุผลที่ไทยต้องซื้อแพงกว่า และฝ่ายลิขสิทธิ์ฟีฟ่าไม่ยอมลดราคาให้เลยมาจากเหตุผลเดียวเลยครับ
คือ รัฐบาลประกาศว่าจะซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกให้คนไทยได้ดูบอลฟรี
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถามในที่ประชุม ครม.เลย
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็รับลูกทันที
ยืนยันว่าคนไทยได้ดูบอลโลกฟรีแน่นอน
สมมุติว่าคุณเป็น “คนขาย” เห็นข่าวนี้แล้วคุณจะยืนราคาเดิมหรือลดราคาให้
เพราะจากการซื้อขายปกติ กลายเป็นเรื่องการเมืองไปแล้ว
นักการเมืองไม่ยอมเสียหน้าหรอกครับ
ไม่เช่นนั้นก็เสียคะแนน
เมื่อเรารู้ว่า “คนซื้อ” ต้องซื้อให้ได้
แล้วทำไมเราต้องลดราคาใช่ไหมครับ
ตามปกติของการซื้อขายลิขสิทธิ์ ยิ่งใกล้เวลาถ่ายทอดสดมากเท่าไร คนที่ถือลิขสิทธิ์จะต้องลดราคาลง
เพราะลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดกีฬาเป็นสินค้าที่เน่าเสียง่าย
ทันทีที่การแข่งขันเริ่ม สินค้าจะเริ่มมีกลิ่น และเน่าไปเรื่อย ๆ
แข่งจบเมื่อไร หมดค่าทันที
ดังนั้น คนที่ถือลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด เขาจะพยายามสะกิดให้เอกชนมาประมูลเยอะ ๆ เพื่อจะได้แข่งขันกัน
และจะกำหนดเวลายื่นประมูลก่อนการแข่งขันนานพอสมควร
แต่บอลโลกคราวนี้ แทบจะไม่มีภาคเอกชนไทยสนใจเลย
เพราะกฎ Must Have ของ กสทช.ที่ให้คนไทยต้องดูฟรี
ค่าลิขสิทธิ์ต้องต่ำมาก ถึงจะทำธุรกิจได้โดยเฉพาะในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้
แต่เพราะประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีที่ไม่เข้าใจเรื่องธุรกิจ
อยู่ดี ๆ ก็โพล่งในที่ประชุม ครม. ให้ “คนขาย” ได้รู้ว่ารัฐบาลไทยเอาแน่นอน
เรียบร้อยเลยครับ
ที่สำคัญมีผู้ใหญ่ในวงการทีวี 2 คนยืนยันว่าตัวเลขค่าลิขสิทธิ์ที่เคยเสนอมาแค่ 30 ล้านเหรียญ
เขาสงสัยว่าทำไมถึงมือรัฐบาลจึงกลายเป็น 36 ล้านเหรียญ
และยังมีค่าอื่น ๆ รวมเป็น 42 ล้านเหรียญ
หรือว่า เป็นปรากฏการณ์ “ค่าเงินบาทลอยตัว”
…ก่อนเลือกตั้ง