สมศักดิ์ เปิดใจ ซบ เพื่อไทย ตั้งรัฐบาลพรรคเดียว เผย พปชร.ทำงานยาก

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน
ศูนย์ภาพเครือมติชน

สมศักดิ์ ตั้งโต๊ะแถลงเปิดใจ ลาออกพลังประชารัฐ-รมว.ยุติธรรม สมัครสมาชิกพรรคเพื่อไทย ยอมรับ รัฐบาลผสมไม่มีเสถียรภาพ-พปชร. ทำงานยาก บุกพื้นที่ใหม่-ปั้น ส.ส.หน้าใหม่ สานฝันเพื่อไทยแลนด์สไลด์-310 เสียง ตั้งรัฐบาลพรรคเดียว 

วันที่ 17 มีนาคม 2566 ที่ร้านกินเส้น สนามบินน้ำ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีต รมว.ยุติธรรมและอดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ แกนนำกลุ่มสามมิตร แถลงข่าวเปิดใจลาออกจากตำแหน่งรมว.ยุติธรรมและสมาชิกพรรคพลังประชารัฐว่า ตนพูดอยู่เสมอว่า มีข้อคิดและแนวทางตัดสินใจ 3 ประเด็นหลัก ฟ้า ดิน อากาศ ฟ้าและดินได้อธิบายไปชัดเจนแล้ว แต่วันนี้คือเรื่องอากาศ

ประการแรก การตั้งรัฐบาลที่ผ่านมา แนวทางที่เกิดขึ้นนั้น ต้องยอมรับว่าเรื่องเศรษฐกิจและโควิดเข้ามาใช้จ่ายงบประมาณมาก ซึ่งรัฐบาลไม่ได้แก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ดีเท่าที่ควร ปัญหาที่จะดำเนินการเศรษฐกิจที่เกิดปัญหาวันนี้ คือ เสถียรภาพของรัฐบาลหน้า

นายสมศักดิ์กล่าวว่า ครั้งที่ผ่านมา พรรคพลังประชารัฐได้ ส.ส. 118 คน เราไม่สามารถทำรัฐบาล ทำเรื่องเศรษฐกิจให้พี่น้องประชาชนเกิดความพอใจได้ เหตุมาจากเป็นรัฐบาลผสม มีพรรคการเมืองหลายพรรคจัดตั้งรัฐบาล ต่อรองกระทรวง โควตา กระทรวงเศรษฐกิจของพรรคพลังประชารัฐไม่ได้ดูทั้งหมด นโยบายที่จะขับเคลื่อนไม่สามารถทำได้ถูกใจประชาชน

เพราะเราต้อง เราต้องแบ่งกระทรวงเศรษฐกิจไว้ให้พรรคการเมืองอื่นดูแล เพราะฉะนั้นเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่ผมเรียนว่า ดิน ฟ้า อากาศ

“การที่จะทำให้สิ่งต่าง ๆ สัมฤทธิผลเราก็ต้องมองดูพรรคการเมืองที่แลนด์ไลด์ สิ่งที่เราต้องดำเนินการ คือ ต้องช่วยประคับประคองความเป็นอยู่ ความยากจนและเศรษฐกิจในภาพรวม ไม่ให้จีดีพีตกต่ำ อย่างในทุกวันนี้เรามีจีดีพีแทบจะต่ำสุดในอาเซียน เพราะฉะนั้น เป็นเรื่องที่จำเป็น ที่เราต้องดูในเรื่องของแลนด์สไลด์ พรรคการเมืองที่จะเดินหน้าได้ในเรื่องของแลนด์สไลด์ก็คงต้องเป็นเพื่อไทย”

“เราจึงตัดสินใจว่า ถ้าเราไปรวมกันตรงนี้ เดินงานการเมือง แล้วให้แลนด์สไลด์ได้ ก็จะเป็นส่วนที่ทำให้แนวนโยบายของรัฐบาลใหม่ได้ประสบความสำเร็จ เป็นที่พึ่งที่หวังของประชาชนในเรื่องการแก้ปัญหาต่าง ๆ และความยากจนของคนในประเทศ ผมจึงได้ดำเนินการตัดสินใจที่จะไปสมัครสมาชิกพรรคเพื่อไทย เพื่อร่วมแนวทางในการขับเคลื่อนแนวนโยบายต่อไปในวันข้างหน้า”

ลาออก รมว.ยุติธรรม-พปชร. สมัครเพื่อไทย

นายสมศักดิ์ได้โชว์เอกสารใบลาออกจากตำแหน่ง รมว.ยุติธรรม และลาออกจากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐพร้อมกับกล่าวว่า วันนี้ตนได้ทำหนังสือของลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมโดยไม่ได้ขอรักษาการ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ซึ่งได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ไปลงรับหนังสือขอลาออกที่ทำเนียบรัฐบาลในวันนี้ เพื่อให้เป็นความสบายใจของตัวเองและครอบครัว พี่น้องประชาชน และหน่วยงานอื่น ๆ ที่อาจจะมองดูแล้วว่า เป็นการเอารัดเอาเปรียบคนอื่นในการเลือกตั้งหรือไม่ สำหรับท่านอื่นที่ยังรักษาการด้วยเหตุผลอื่น ตนไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์

นายสมศักดิ์กล่าวว่า ตนยังได้ทำหนังสือลาออกจากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เขียนวันที่ 17 มีนาคม 2566 เรียนนายทะเบียนพรรคการเมือง ได้นำไปลงรับเวลา 13.10 น. ได้เอกสารลงรับเรียบร้อย เพื่อต้องการให้เกิดความชัดเจน

“ส่วนเอกสารฉบับที่สาม เป็นใบสมัครสมาชิกพรรคเพื่อไทย หลังจากนายทะเบียนพรรคการเมืองลงรับแล้วยังอยู่ในขั้นตอนจะทำเอกสารไปสมัครอย่างช้าวันจันทร์ที่ 20 มีนาคม เพื่อแสดงให้แนวทางที่ชัดเจนว่า ผมมีความประสงค์ทำงานการเมืองกับพรรคเพื่อไทย” นายสมศักดิ์กล่าว

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน
ศูนย์ภาพเครือมติชน

อยู่พลังประชารัฐทำงานยาก

นายสมศักดิ์กล่าวว่า เมื่อวานนี้ได้ไปกราบเรียน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และไปลานายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี การพูดคุยกับหัวหน้าพรรคไม่มีปัญหา ท่านก็ให้ศีลให้พรตามอัตภาพ ในส่วนของความแตกแยก หรือความไม่พึงพอใจที่ผ่านมาต่าง ๆ เหล่านั้น ต้องเรียนว่า ไม่มี

“แต่ส่วนสำคัญที่ผมต้องเดินไป คือ การที่พรรคการเมืองเป็นพรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรค เป็นปัญหาและเป็นอุปสรรค การมีทีมงานในพรรคการเมืองที่ไม่เกิดความสามัคคีก็เป็นปัญหา เป็นอุปสรรคของการขับเคลื่อนนโยบาย คนหนึ่งไปซ้าย คนหนึ่งไปขวา”

“แต่ผมได้พิจารณาดูแล้ว พรรคเพื่อไทยมีทีมงานที่ชัดเจน เข้มแข็ง และส่วนใหญ่ก็เป็นสมัครพรรคพวกกันเดิมมาก่อน ซึ่งไม่มีความรู้สึกที่มีอะไรที่แตกต่างกัน เป็นบุคลากรที่เข้าใจและพูดคุยกันได้” นายสมศักดิ์กล่าว

นายสมศักดิ์กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้ฝากบอกกับนายสุริยะมาบอกตนว่า ขอให้โชคดี ตนก็กราบขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้ผมมีโอกาสได้ทำงาน ได้แสดงฝีมือ เพราะผมย้ายอยู่ตรงไหนผมทำงานเต็มที่ ดังที่ตนอยู่พลังประชารัฐ อยู่กระทรวงยุติธรรม ประธานวุฒิสภาบอกกับตนว่า เดิมกระทรวงยุติธรรมเป็นเกรดซี วันนี้เป็นเกรดเอแล้ว

“ขอขอบคุณท่านหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐที่ให้การสนับสนุนในเรื่องงานต่าง ๆ อย่างดียิ่ง ผมทำงานเต็มที่ ไปเพื่อไทยก็เต็มที่ไม่มีย่อหย่อน จะให้ผมไปดูภาคใต้หรือภาคเหนือตอนบนก็แล้วแต่ผู้บริหารเห็นความเหมาะสม ผมคงไม่เลือก เพราะผมเป็นผู้ดำเนินการ หรือคนทำงานในเรื่องเลือกตั้ง ผมไปได้ทุกที่” นายสมศักดิ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทำงานกับพรรคพลังประชารัฐลำบากใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ก็ไม่ได้อาจจะทำให้ลำบาก ส่วนหนึ่งที่ตนไปลาท่านหัวหน้าก็แสดงความรู้สึกปกติ ธรรมดา ก็อาจจะมีบ้างที่เกิดความรู้สึกบ้างเล็กน้อย อย่างที่ผมยกตัวอย่างให้เห็น อย่างทีมงานที่มีอยู่ถ้าหากว่าเรามีความสามัคคีที่ดีต่อกันในพรรคการเมือง เราก็ขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลได้

“แต่บางทีทีมงานยังขัดบ้างอะไรบ้าง แต่ไม่ถึงกับเป็นความขัดแย้งอะไรมากมาย อย่างผมเป็นประธานยุทธศาสตร์อย่างเนี้ย เวลาจะขอความร่วมมือในการประชุมต่าง ๆ ถ้ายังมีอะไรที่ไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันจะทำงานยาก แต่ผมมองดูแล้วการเดินไปทางพรรคเพื่อไทยเป็นอุปสรรคที่จะมีน้อยมากหรือไม่มีเลย” นายสมศักดิ์กล่าว

โพลเพื่อไทย 220 อัพ

เมื่อถามว่าการย้ายไปพรรคเพื่อไทยมั่นใจหรือไม่ว่าจะแลนด์สไลด์และจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ตนดูจากโพล เมื่อสองเดือนที่แล้ว ตัวเลขโพลจากการคำนวณส่วนตัวผม พรรคเพื่อไทย 220 แต่วันนี้ ยังไม่มีโพลตรงไหนให้มาดู

เป็นเรื่องที่ถ้าเราไปช่วยแล้วทำให้ตัวเลข ส.ส.ของเพื่อไทยได้สูงขึ้นมันก็จะเป็นประโยชน์ เพราะการขับเคลื่อนนโยบาย ถ้ามี ส.ส.น้อย จำนวนพรรคน้อยในการร่วมรัฐบาลนั้นจะขับเคลื่อนและพี่น้องประชาชนได้เห็นประโยชน์จากการเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งและขับเคลื่อนนโยบายต่าง ๆ ได้มาก ตนเชื่อว่าประชาชนเข้าใจและจะทำให้การเมืองในระบอบประชาธิปไตยง่ายขึ้นในการพัฒนา มิฉะนั้นแล้วจะเสียเวลากับบ้านเมือง

เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยจะได้เป็นรัฐบาลแน่นอน นายสมศักดิ์กล่าวว่า ตนคิดว่า พรรคเพื่อไทย เริ่มต้นที่ผมคิด 220 แต่ว่าเมื่อเข้าไปร่วมด้วยช่วยกันในการหาเสียงและมีแนวนโยบายใหม่ ๆ ตนคิดว่าจะได้ ส.ส.มากขึ้น อาจจะเข้าสู่เป้าหมายที่ผู้บริหารพรรคได้วางไว้ ผมเป็นแรงหนึ่งที่เข้าไปช่วยสนับสนุน ไม่ใช่ตัวเองเก่งกล้าสามารถ แต่เข้าไปช่วยให้ดีที่สุด

การเป็นรัฐบาลก็เป็นความใฝ่ฝันของพรรคการเมืองทุกพรรคที่อยากเป็นรัฐบาล แต่จะเป็นได้หรือไม่ได้ บางพรรคมีเงื่อนไขมากจนเป็นไม่ได้ หรือบางพรรคก็ไม่มีใครเอาไปร่วมก็เลยต้องตั้งเงื่อนไขให้ยากขึ้นไปอีก ให้ดูเก๋ไก๋ไป ตนมั่นใจว่า พี่น้องประชาชนช่วยกันเลือกให้มาก ๆ แลนด์สไลด์ พรรคเพื่อไทยจะเป็นรัฐบาล

บุกพื้นที่ใหม่-ส.ส.หน้าใหม่

เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยจะได้ถึง 310 เสียงหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า เป้าหมายตัวเลข ตนไม่กล้าไปคิด เพราะตนไม่ได้ไปถือโพล ยังไม่ได้ลงพื้นที่ในนามพรรคเพื่อไทยจริง วันนี้ยังตอบไม่ได้ แต่ตนอยากจะช่วยผู้บริหารของพรรคเพื่อไทยให้ทำงานสำเร็จตามที่ตั้งเป้าหมายไว้

“พรรคเพื่อไทยมีพื้นที่ใหม่ ๆ ที่ให้สามารถช่วยกันสร้างผู้แทนฯในพื้นที่เหล่านั้นได้ ไม่เหมือนกับพรรคการเมืองอื่นที่ไม่ได้ยึดแนวทางของนโยบายเป็นหลักมากนัก เช่น มีกลุ่มใหญ่ มีบ้านใหญ่เยอะแยะ และเข้าไปใช้ปัจจัยอื่นในการหาเสียง แต่เพื่อไทยจะใช้นโยบาย ไม่ได้ใช้ปัจจัยอื่น ตัวเลขอาจจะมากกว่านั้น (310 เสียง) ก็ได้ ผมคิดว่าจะได้มาก” นายสมศักดิ์กล่าว

นายสมศักดิ์กล่าวว่า เราจะไปหาพื้นที่ใหม่ อาจจะถามตนว่า มีคนตามตนไปเท่าไหร่ ผมไม่รู้เลย ผมไม่ได้นับเลย เพราะ ส.ส.ทั้งหมดมีเอกสิทธิ์ส่วนตัว ไม่สามารถเหนี่ยวนำ หรือย้ายไปโน่นไปนี่ได้ แต่ตนคิดว่าในเขตเลือกตั้งในแต่ละจังหวัดนั้นมีพื้นที่ใหม่ ๆ ที่สามารถสร้างพื้นที่นั้นให้เป็นประโยชน์ได้

“การเลือกตั้งปี’62 ตนดูพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง มีพื้นที่ให้ตนจังหวัดเดียว คือ สุโขทัย พื้นที่อื่นถูกยึดหมด แล้วตนก็ไปดูพื้นที่ที่ไม่มีใครไปช่วย ผมก็ไปสร้างผู้แทนฯในพื้นที่ใหม่ ๆ หลายคน ถ้าไม่ได้พื้นที่ใหม่มาช่วยผมคงแย่ตั้งแต่ครั้งที่แล้วแล้ว”

“ไม่ใช่ว่าเราต้องมีกลุ่มเท่าโน้นเท่านี้ไป กลุ่มเก่า ๆ ถ้าไปเจอนโยบายที่ดีอย่างพรรคเพื่อไทย (ส.ส.เก่า) ก็อาจจะตกได้ คนใหม่ก็เข้ามาแทน เพราะจากสถิติในการเลือกตั้งแต่ละครั้งผู้แทนฯใหม่เข้ามาเกือบ 50%”

เมื่อถามว่า หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล คาดหวังเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงไหน นายสมศักดิ์กล่าวว่า ไม่ได้คาดหวัง เพราะการคาดหวังจะทำให้เราเสียใจ

“ผมเคยคาดหวังกระทรวงหนึ่ง ถึงเวลาตั้งก็เป็นอีกกระทรวงหนึ่ง หรือไม่ได้เป็นก็ไม่ได้คาดหวัง เพราะเรารู้แล้วถ้าหากว่าเราเป็นรัฐมนตรีโดยที่ทีมงานของรัฐบาลไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแล้ว ไม่สามารถขับเคลื่อนนโยบายได้สะดวก มันจะยาก แล้วเป็นความขัดแย้งที่ตามมา ไม่มีประโยชน์ เพราะการทำการเมืองอยากให้เป็นทีมเดียว ทีมใหญ่ อยากให้ 300 กว่า” นายสมศักดิ์กล่าว

เล่าที่มากลุ่มสามมิตร

เมื่อถามว่า ไปอยู่เพื่อไทยยังสามารถเรียกว่ากลุ่มสามมิตรอยู่ได้หรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ไม่น่าจะใช้แล้ว ไม่น่าจะมีกลุ่มด้วย

“ที่นี่เป็นจุดเริ่มต้นของการเมืองในสมัยที่แล้ว คุณภิรมย์ พลวิเศษ เขาเดินการเมืองและแวะมาทานก๋วยเตี๋ยวที่นี่ ก็ไปพบปะแกนนำ ไม่ประสบความสำเร็จ ก็ขอนัดพบผมผ่านคุณอรวรรณ เพราะมานั่งทานก๋วยเตี๋ยวที่นี่ ผมได้คุยกับคุณภิรมย์ ผมก็ประทับใจที่เขาพูดถึงประชาชนรากหญ้า ผมเลยชวนคุณสุริยะมาร่วมถ่ายภาพด้วยกันสามคน จึงเป็นจุดเริ่มต้นของสามมิตร” นายสมศักดิ์กล่าวและว่า

“ไม่คิดว่าเป็นกลุ่มใหญ่โตอะไร ในอดีตมีการพูดถึงกลุ่มวังน้ำยม อย่าไปพูดครับ เพราะผมไม่อยากจะตั้งกลุ่ม ตอนนี้เหลือแต่ผมก็นายสุริยะ เหลือแค่ 2 มิตร ก็ไม่คิดจะตั้งกลุ่มอะไรอีกแล้ว” นายสมศักดิ์กล่าว

เมื่อถามว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยแลนด์สไลด์จริงแล้วทหารไม่ยอมรับเกิดการปฏิวัติจะทำอย่างไร นายสมศักดิ์กล่าวว่า เป็นเรื่องนอกระบบ ตนเป็นผู้แทนฯตั้งแต่ปี’26 เป็นคนเดียวที่ไม่เคยเดินขบวน

“ผมไม่มีนอกระบบ และผมฝักใฝ่ในเรื่องของการทำงานและทำประโยชน์ตามแนวนโยบายของรัฐบาลให้ประชาชน อะไรที่ต้องไปถือไม้ไล่ตีชกต่อย ไม่มี ผมชอบมวย ผมชกมวยได้เก่งด้วย แต่ผมไม่เคยไปเดินข้างถนน ผมถึงเป็นผู้แทนฯได้นาน” นายสมศักดิ์กล่าว

เมื่อถามว่ามีอุดมการณ์และจุดยืนอย่างไร นายสมศักดิ์กล่าวว่า ตนคิดว่า ถึงเวลาเลือกตั้งจบแล้ว รัฐบาลอยู่ที่ตัวเลขของ ส.ส. ถึงโกรธกันแทบตาย ก็ต้องหาทางลดหย่อน เรื่องที่เป็นแนวทางที่จะต้องลดและปรับแนวทางเป็นรัฐบาลร่วม

“ถ้าเป็นพรรครัฐบาลร่วมหลายพรรค นโยบายที่จะทำให้แก้ไขปัญหาความยากจนได้ ไม่เต็มที่ ไม่มีใครวิเศษวิโสไปทำให้รัฐบาลพรรคร่วมหลาย ๆ พรรคแก้ปัญหาให้ประชาชนได้ เป็นโอกาสดีแล้วที่จะมาร่วมแรงร่วมใจ มาช่วยกัน ท่านคิดถูก มาทำแลนด์สไลด์ให้สมหวัง ถ้าแลนด์สไลด์แล้วทำไม่ได้ ก็เลิกกันไป” นายสมศักดิ์กล่าว