ก้าวไกล แถลงยอมรับเป็นฝ่ายค้าน ตรวจสอบรัฐบาลเพื่อไทย

ชัยธวัชนำ สส.ก้าวไกล แถลงเป็นฝ่ายค้าน ลั่นทำหน้าที่เชิงรุก ตรวจสอบรัฐบาล ผนึกมวลชนนอกสภา เตรียมพร้อมบริหารประเทศหลังเลือกตั้ง 2570

วันที่ 22 สิงหาคม 2566 สส.พรรคก้าวไกล นำโดย ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค แถลงภายหลังที่ประชุมรัฐสภามีมติโหวตเลือก เศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยคะแนนเห็นชอบ 482 เสียง ไม่เห็นชอบ 165 เสียง งดออกเสียง 81 เสียง ว่าวันนี้เป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่าการเลือกนายกรัฐมนตรีในวันนี้และการจัดตั้งรัฐบาลหลังจากวันนี้ มิได้เป็นไปตามเจตจำนงของประชาชนส่วนใหญ่ที่แสดงออกผ่านการเลือกตั้ง

พรรคก้าวไกลขอย้ำว่า การจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้มิใช่การสลายขั้วลดความขัดแย้ง โดยเอาวาระของประเทศและประชาชนเป็นตัวตั้ง แต่เป็นการสยบยอมและต่อลมหายใจให้แก่ระบบการเมืองที่สถาปนาขึ้นโดยการรัฐประหาร เป็นการทำลายความหวัง ความศรัทธา และอำนาจของประชาชนตามระบอบประชาธิปไตย

“แน่นอนว่าต่อจากนี้ไป พรรคก้าวไกลจะต้องทำงานในฐานะพรรคฝ่ายค้าน โดยเราจะเป็นฝ่ายค้านเชิงรุก ทุกเสียงที่พี่น้องประชาชนได้มอบให้พรรคก้าวไกลจะต้องมีความหมาย ผู้แทนราษฎรทุกคนของพรรคก้าวไกลจะทำงานอย่างสุดความสามารถ ทั้งในด้านการตรวจสอบฝ่ายบริหาร ทั้งในด้านการผลักดันกฎหมายที่ก้าวหน้า ทั้งในด้านการผลักดันวาระของประชาชนผ่านกลไกต่าง ๆ ของสภา รวมทั้งการทำงานร่วมกับประชาชนนอกสภาเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงในสังคมไทยร่วมกันอย่างไม่ท้อถอย” นายชัยธวัชกล่าว

นายชัยธวัชกล่าวว่า แม้ในวันนี้ผู้มีอำนาจจะพยายามทำให้อำนาจของประชาชนไม่มีความหมาย แต่พรรคก้าวไกลจะยังยืนอยู่อย่างมั่นคงกับประชาชน ด้วยความเชื่อมั่นว่าพลังของพี่น้องประชาชนจะสามารถสร้างอนาคตแบบใหม่ให้แก่สังคมไทยได้ในที่สุด 

“สักวันหนึ่งเราจะมีประชาธิปไตยที่แท้จริง สักวันหนึ่งเราจะมีระบบเศรษฐกิจที่ก้าวหน้า เท่าทันโลก และเป็นธรรม สักวันหนึ่งเราจะมีสังคมที่เคารพความแตกต่างหลากหลาย เคารพสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน ยึดถือความมั่นคงของประชาชน เป็นความมั่นคงของชาติ ด้วยความเคารพในประชาชนผู้ทรงอำนาจสูงสุดของประเทศ”

นายชัยธวัชยังกล่าวถึงการทำงานในฐานะพรรคฝ่ายค้านว่า พรรคก้าวไกลจะทำอย่างสร้างสรรค์ ยึดหลักการและเหตุผลเป็นตัวตั้ง ตนคิดว่าสิ่งที่จะล้มรัฐบาลชุดนี้ได้ คือศรัทธาของพี่น้องประชาชน นอกจากนี้ แม้จะเป็นฝ่ายค้าน แต่พรรคก้าวไกลจะเดินหน้าทำงานเพื่อเตรียมความพร้อมที่จะบริหารประเทศให้ดีที่สุดในการเลือกตั้งครั้งหน้า “นี่คือเป้าหมายของเรา”