“บิ๊กตู่” สัญจรถิ่น “ชาละวัน” โปรยหมื่นล้าน ดึงย้ายข้างเทคะแนน คสช.

ยิ่งในช่วงโค้งสุดท้ายโรดแมปเลือกตั้ง รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี-หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยิ่งงัดทุกกระบวนท่าเพื่อ “ชิงความได้เปรียบ” ทางการเมืองพร้อมลงพื้นที่กระชับแนวรุกมวลชนก่อนเลือกตั้งผ่านการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจร

“ครม.สัญจร” ครั้งนี้ ถึงคิวกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 2 โดย “พล.อ.ประยุทธ์” เลือก “ชิมลาง” ลงพื้นที่ 2 ใน 4 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ซึ่งเป็นพื้นที่ “สีแดง” ได้แก่ จังหวัดพิจิตรและนครสวรรค์ เมื่อวันที่ 11-12 มิถุนายน 2561 ที่ผ่านมา

ท่ามกลางกระแส “พลังดูด” ของรัฐบาล-คสช. การประชุม “ครม.สัญจร” คราวนี้ จึงถูกจับตาว่าจะมี “อดีต ส.ส.” ใน 4 จังหวัดภาคเหนือตอนล่างของพรรคเพื่อไทย (พท.) และพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) รวมทั้ง “พรรคขนาดกลาง” จะต้าน “กำลังภายใน” ของรัฐบาล-คสช.ไหวหรือไม่

อย่างไรก็ตาม “ครม.สัญจร” คราวนี้ “คงไม่ง่าย” ที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จะพรากอดีต ส.ส.-นักการเมืองจาก พท.-ปชป.และ “พรรคเอสเอ็มอี” ได้ เพราะ 4 จังหวัด-ภาคเหนือตอนล่างถือเป็นฐานที่มั่นของ “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” ตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย (ทรท.)

โฟกัสที่ 2 จังหวัดหลัก ๆ นครสวรรค์-พิจิตร โดยเฉพาะจังหวัดพิจิตรถูกจับจ้องมากที่สุด เพราะมี “สองตระกูลการเมือง” แห่งเมือง “ชาละวัน” อย่าง “ภัทรประสิทธิ์” และ “ขจรประศาสน์” ที่มีทายาท “เสธ.หนั่น” พล.ต.สนั่น อย่าง “ลูกยอด” ศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ และ “วินัย ภัทรประสิทธิ์” พรรคชาติไทยพัฒนา น้องชาย “ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์” จองเก้าอี้ ส.ส.จาก “รุ่นสู่รุ่น” หลายสมัย

ศึกเลือกตั้งครั้งหน้าแว่วมาว่า “สองพี่น้องภัทรประสิทธิ์” จะเข้าไปร่วมชายคากับ พท. โดยมี “สุนีย์ เหลืองวิจิตร” อดีต ส.ส.พท.เป็นแม่สื่อ

ส่วน “ลูกยอด” ภายหลังย้ายค่ายไปอยู่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทำให้ถูกมองว่า “เรียบร้อยโรงเรียน คสช.” ไปแล้วตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์เหยียบถิ่นบุรีรัมย์

ครานี้จึงต้องจับตาดูว่า “เสียงข้างมาก” จะสะวิงไปทางไหน โดยมี “นราพัฒน์ แก้วทอง” ประชาธิปัตย์ เจ้าของพื้นที่พิจิตร เขต 2 เป็น “ตัวแปร”

ขณะที่จังหวัดนครสวรรค์-พื้นที่ “เรดโซน” เพราะมีอดีต ส.ส.พท.กุมฐานเสียง-หัวคะแนนถึง 4 เขต จากทั้งหมด 6 เขตที่นั่ง อาทิ “ดิสทัต คำประกอบ” อดีต ส.ส.พท.เขต 2 “น้องชาย” วีระกร

คำประกอบ อดีต ทรท.-บ้านเลขที่ 111 และเขต 3-เขต 4 และเขต 5 อย่างนายสัญชัย วงษ์สุนทร พ.ต.ท.นุกูล แสงศิริ และนายทายาท เกียรติชูศักดิ์ ตามลำดับ

ส่วนอีก 2 เขต คือ เขต 1 ที่มี นายสงกรานต์ จิตสุทธิภากร แห่งประชาธิปัตย์ คง “ดูด” ยากหน่อย เพราะได้ยืนยันเป็นสมาชิก ปชป. “ตลอดชีพ” ไปแล้ว

การประชุม “ครม.สัญจร” ครั้งนี้ “พล.อ.ประยุทธ์ และ เสธ.ทำเนียบ” ยังคงใช้ “อีเวนต์-กลยุทธ์เดิม” และที่ขาดไม่ได้ในการประชุม “ครม.สัญจร” ทุกครั้ง คือ การพบประชาชนชาวพิจิตร ณ บึงสีไฟ ประมาณ 1,000 คน การพบปะประชาชนชาวนครสวรรค์-ผู้นำท้องถิ่น ประมาณ 1,000 คน

พร้อมโปรยงบประมาณผ่านโครงการ อาทิ การพัฒนาปัจจัยพื้นฐาน พัฒนาแหล่งน้ำ 15 โครงการ วงเงิน 430,000,000 บาท การเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน การแปรรูปพัฒนาตลาด การผลิต/การตลาด 41 โครงการ วงเงิน 342,233,000 บาท โครงการที่สำคัญห้ามกะพริบตา คือ โครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจะเน้นในเรื่องของการพัฒนาระบบโครงข่ายถนน โครงข่ายระบบรางรถไฟ และโครงข่ายระบบโลจิสติกส์ 3 โครงการต้องเร่งรัด คือ โครงการที่จอดรถบรรทุกในการขนถ่ายสินค้า รองรับการขนส่ง และกระจายสินค้า รองรับโครงการรถไฟรางคู่จากลพบุรี-ปากน้ำโพ

โครงการเชื่อมโยงรถไฟไปแม่สอด ผ่านกำแพงเพชร และสุโขทัย เข้าสู่ตาก

“หากวันข้างหน้ามีการเลือกตั้งขอให้ออกมา ถ้าไม่ออกมาก็ได้คนเดิม ๆ กลับมาอีก วันนี้รัฐบาลทำให้ทุกคน ทุกจังหวัด ไม่ใช่ใครที่เข้ามาเป็นรัฐบาลก็ทำให้กับจังหวัดที่เลือกตัวเอง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวระหว่างพบปะประชาชนชาวพิจิตรที่บึงสีไฟ