“ชัชชาติ” ลั่นเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจะทำที่อยู่อาศัยให้คนรายได้น้อย ชี้ “อภิสิทธิ์” ไม่หนุน “ประยุทธ์” เป็นสิทธิ

เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 11 มีนาคม ที่ตลาดสายหยุด ชุมชนนิคมรถไฟมักกะสัน (บ้านพักรถไฟ) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย (พท.) พร้อมด้วยนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคพท. ลงพื้นหาเสียงช่วย นายประพนธ์ เนตรรังษี ผู้สมัคร ส.ส เขต 6 จตุจักร (แขวงจตุจักรและแขวงจอมพล) พญาไท และราชเทวี หาเสียง โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนให้ความสนใจ มอบดอกกุหลาบให้กำลังใจ และขอถ่ายรูปด้วยเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ นายชัชชาติและคณะยังนั่งจิบกาแฟและพูดคุยกับชาวบ้านและผู้นำชุมชุน เพื่อสอบถามถึงปัญหา โดยเฉพาะปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ

โดยนายชัชชาติกล่าวว่า พ่อค้า แม่ค้าบ่นถึงปัญหาปากท้อง และปัญหาการเดินทางก็เป็นปัญหาหลัก นอกจากนี้ ชาวบ้านยังกังวลเรื่องของพื้นที่ ซึ่งเป็นที่ของการรถไฟ หากในอนาคตนำพื้นที่ไปให้เอกชนเช่า หรือดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว อนาคตของชุมชนจะเป็นอย่างไร ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐที่ต้องไปสำรวจเรื่องที่อยู่อาศัยให้คนตัวเล็กตัวน้อย ในอนาคตหากเราได้เป็นรัฐบาล เราจะทำการสำรวจพื้นที่ทั้งหมด เพื่อมาทำเป็นที่อยู่อาศัยให้คนที่มีรายได้น้อยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีคุณภาพที่ดีขึ้น นอกจากนี้ พรรคเรายังมีแนวคิดเรื่องบ้านใกล้งาน และนโยบายเกี่ยวกับการรถไฟ ซึ่งต้องดูภาพรวมที่เป็นหน่วยงานเก่าที่จะช่วยลดต้นทุนการขนส่งของประเทศได้ แต่การแก้ปัญหารถไฟนั้นเป็นเรื่องใหญ่ เป็นภาระหนี้ และการลงทุนซึ่งตนคิดว่าต้องทำรางคู่ให้ดีก่อน และต้องสั่งหัวรถเพิ่ม พร้อมกับดึงลูกค้าให้มาใช้บริการด้วย อย่างไรก็ตาม

เมื่อถามถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ประกาศไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เป็นนายกฯต่อ นายชัชชาติกล่าวว่า ตนมองว่าหัวใจไม่ใช่ พล.อ.ประยุทธ์ แต่น่าจะเป็นเรื่องของหลักการ ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์อยู่ในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ความจริงแล้วนายอภิสิทธิ์ควรมีจุดยืนว่าจะร่วมกับ พปชร.หรือไม่ ไม่ใช่อยู่ที่ตัวบุคคล ควรเน้นที่ตัวพรรค ซึ่งเป็นอุดมการณ์ว่าเป็นอย่างไร แต่อย่างไรก็ตาม ก็เป็นสิทธิของนายอภิสิทธิ์ที่จะไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ แต่จะสนับสนุนพรรคพปชร.หรือไม่ เป็นสิ่งที่ประชาชนจะตั้งคำถาม ทั้งนี้ ตนมองว่า การที่นายอภิสิทธิ์แสดงท่าทีแบบนี้เป็นการแข่งขันทางการเมือง เพราะคนส่วนใหญ่อาจจะไม่อยากให้มีการสืบทอดอำนาจ ซึ่งการทำเช่นนี้อาจจะสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่ หรือประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยหรือไม่ ส่วนจะเป็นการเรียกคะแนนหรือไม่ก็แล้วแต่คนมอง แต่ทางพรรคพท.เรามีจุดยืนมานานมากแล้ว และสุดท้ายแล้วพปชร.จะร่วมกับปชป.หรือไม่ก็ยังเป็นคำถามที่ประชาาชนยังคาใจอยู่ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับประชาชนตัดสินใจ เราคงประเมินอะไรไม่ได้ แต่เราจะทำของเราให้ดีที่สุด และสุดท้ายทุกคนจะสะท้อนตัวตนของตัวเองออกมาว่าคิดอย่างไร ของอย่างนี้ปิดกันไม่มิด และเชื่อว่าประชาชนก็เห็นจากข้อมูลต่างๆ เราต้องเคารพการตัดสินใจของประชาชน

เมื่อถามถึงปัญหาการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร นายชัชชาติกล่าวว่า ตนเห็นว่ามีปัญหาหลายที่ เช่น ที่จีนบัตรหาย และคูหาที่มาเลเซียเป็นกล่องกระดาษ ตนมองว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นต้องเป็นบทเรียนที่จะมาปรับปรุงให้ดีขึ้น และต้องชี้แจงกับประชาชนให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ส่วนจะเกิดการทุจริตขึ้นหรือไม่นั้น เรายังไม่เห็นเหตุการณ์ที่ชัดเจน จะไปโทษเขาทันทีไม่ได้ แต่ตนก็มีข้อเป็นห่วงอยู่ ต่อไปการเลือกตั้งล่วงหน้าทั้งหมด ไม่ใช่แค่นอกราชอาณาจักร การเก็บรักษาหีบบัตรซึ่งในอาทิตย์หน้าจะมีการเลือกตั้งล่วงหน้าในประเทศ ก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะต้องมีการเก็บหีบบัตรหลายวัน ตนคิดว่า ต้องช่วยกันทำให้มีความโปร่งใส เพราะสุดท้ายเราต้องการความมั่นใจกลับคืนมา เพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้า หากมีข้อกังขาในการเลือกตั้งก็จะทำให้ไม่มีความมั่นใจ และมีผลกระทบตามมา เราต้องช่วยกัน และ กกต.ต้องแสดงจุดยืน และความเป็นมืออาชีพกลับมาเพื่อให้การเลือกตั้งโปร่งใส และเดินหน้าต่อไปได้

เมื่อถามถึงกรณีที่อดีตแกนนำพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) เดินหน้าตั้งกลุ่มก้าวต่อไปเพื่อประชาธิปไตย เดินหน้าสนับสนุนฝ่ายประชาธิปไตยต่อไป จะส่งผลต่อพรรคพท.ในทางใดหรือไม่ นายชัชชาติกล่าวว่า ตนมองว่าไม่ได้มีอะไรแตกต่างกัน เพราะอุดมการณ์เราคล้ายๆ กัน เพราะไม่ได้สนับสนุนการสืบทอดอำนาจของคสช.อยู่แล้ว หากกลุ่มดังกล่าวไปดำเนินการ ถือเป็นสิทธิ และไม่ได้ขัดแย้งอะไรกัน แต่เราไม่ได้มีการพูดคุยกัน เขามีความเป็นอิสระ มีความคิดเป็นของตนเอง และเราเคารพซึ่งกันและกัน รวมถึงนโยบายรวมของเราก็ไม่ได้ขัดแย้งกัน ทั้งนี้ การเดินสายของอดีตแกนนำทษช. เป็นอิสระ เหลือเวลาก่อนการเลือกตั้งเพียง 10 กว่าวัน คงไม่มีผลอะไรแล้ว พรรคพท.เดินของเราอย่างเต็มที่ ส่วน ทษช.จะเดินอย่างไรก็แล้วแต่เขา เพราะเขามีฐานเสียงของเขาอยู่แล้ว และเขาจะทำอย่างไรเราต้องเคารพการตัดสินใจของ ทษช.

 

 

ที่มา : มติชนออนไลน์