อนค.เเถลงจุดยืนหลังเลือกตั้ง “ธนาธร” ลั่นพร้อมเป็นนายกฯ แต่ไม่เสนอชื่อตน เหตุยึดหลักประชาธิปไตย

@FWPthailand
วันที่ 25 มีนาคม 2562 เวลา 16.30 น. พรรคอนาคตใหม่เเถลงภายหลังการเลือกตั้ง นำโดย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) นายปิยบุตร แสงกนกกุล พร้อมทั้งกรรมการบริหารพรรคเเละเเกนนำพรรคเข้าร่วมการเเถลง

นายธนาธร กล่าวว่า ตนเเละกรรมการบริหารพรรคเเละเเกนนำพรรคขอขอบคุณพี่น้องประชาชนทุกคนที่ศรัทธาพวกเรา ให้ความสนับสนุน ให้สิทธิ์ของท่านกับพรรคอนาคตใหม่ วันนี้พรรคอนาคตใหม่เเสดงให้เห็นเเล้วว่า พวกเรากลายเป็นพลังสำคัญของการเมืองไทย ในเวลา 1 ปี ที่ตั้งพรรคมา พรรคเราจบการเลือกตั้งเป็นลำดับที่ 3 มีผู้มาใช้สิทธิ์ให้พรรคของเราทั้งสิ้น 5.8 ล้านเสียงจากทั่วประเทศ เราขอขอบคุณทุกเสียงจากใจจริง ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้การสนับสนุนพวกเรา

“ทุกท่านครับ ตอนนี้พรรคอนาคตใหม่ คาดว่าจะได้ ส.ส. ทั้งเขตเเละบัญชีรายชื่อรวมกันเกิน 80 ที่นั่ง พรรคของเราพูดไว้ว่าจะมีส.ส.เขตทุกภูมิภาค ซึ่งเราทำได้ ยกเว้นเราไม่ได้ส.ส.เขตในภาคใต้ มีหลายเขตที่คะเเนนของเราใกล้เคียง เราไปลุ้น เเสดงว่าเรายังทำงานไม่หนักเเน่นพอ รอบหน้าในการเลือกตั้งเราต้องทำงานให้หนักเเน่นมากขึ้น เเละจะต้องทำให้มีส.ส.ในทุกภาคให้ได้ วันนี้เเสดงให้เห็นเเล้วว่า พรรคอนาคตใหม่ไม่ใช่พรรคภูมิภาค เราเป็นพรรคระดับประเทศ เป็นพรรคที่ก้าวผ่านพรรคภูมิภาคไปเเล้ว” นายธนาธร กล่าวเเละว่า

นอกจากนี้ ในพื้นที่กรุงเทพฯ พรรคอนาคตใหม่ได้รับคะเเนนดิบ หรือป็อบปูล่าโหวตขึ้นมาเป็นอันดับ 1 หรือรวมกันเเล้ว 8 เเสนเสียงในกรุงเทพ เเม้จำนวนที่นั่งส.ส.ในกรุงเทพเราไม่ได้อันดับหนึ่ง เเต่ว่า จำนวนคะเเนนดิบ พรรคอนาคตใหม่มาเป็นอันดับ 1 ในกรุงเทพ ดังนั้นขอขอบคุณพ่อเเม่พี่น้องที่สนับสนุน ศรัทธาในตัวพวกเรา

“อย่างที่ผมพูดมาตลอด หลังจากนี้เราจะเดินทางต่อ เเละสร้างพรรคการเมืองที่เเข็งเเกร่ง เเล้วยืนหยัดในอุดมการณ์ประชาธิปไตย วันนี้พรรคอนาคตใหม่จะเเถลงจุดยืนของเรา 4 ข้อ สำหรับการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 24 มีนาคม” ได้เเก่

1. หลักการจัดตั้งรัฐบาล
2. กลไกปิดสวิตช์ สว.
3. เงื่อนไข MOU ในการร่วมรัฐบาล
4. ข้อเรียกร้องของพรรคอนาคตใหม่ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)

อย่างไรก็ตาม “ผม นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ พร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี เเต่อนาคตจะไม่เสนอชื่อธนาธรเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเราต้องการยืนยันวัฒนธรรมประชาธิปไตยที่ถูกต้อง เชื่อว่าวินาทีสังคมไทยต้องการยึดหลักการที่ถูกต้อง เพราะประเด็นนี้ไม่เห็นว่าจะเป็นประเด็นต่อรองทางการเมือง เราจะไม่เอาเรื่องนี้ไปเป็นเงื่อนไขในการจัดตั้งรัฐบาล

เราเชื่อว่าพรรคอันดับหนึ่งต้องเป็นเเกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล นายกรัฐมนตรีต้องมาจากพรรคที่ได้ ส.ส. เป็นอันดับ 1 นี่คือการยืนยันหลักการประชาธิปไตยที่ถูกต้อง”

ข้อที่สองเสนอ ปิดสวิตช์ สว. ของพรรคอนาคตใหม่ยังเป็นไปได้ พรรคที่เสนอ คุณประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีหรือพรรคที่สืบทอดอำนาจ มี 3 พรรค คือ พลังประชารัฐ พรรครวมพลังประชาชาติไทย เเละประชาชนปฏิรูป

พปชร. ตอนนี้คาดว่าจะมีที่นั่งในสภา 116 ที่นั่ง รปช. คาดว่าจะมีที่นั่งในสภา 5 ที่นั่ง เเละประชาชนปฏิรูปน่าจะมี 0-1 ที่นั่ง ดังนั้นถ้าเรารวมพรรคที่สืบทอดพรรคคสช. เราจะได้ 122 ที่นั่ง โดยเงื่อนไขของการปิดสวิตช์คือการมี ส.ส. ของพรรค น้อยกว่า 124 ที่นั่ง ผมขอเชิญชวนนักการเมืองทุกคน ที่ยืนยันว่า ส.ส. มาจากประชาชน ที่ไม่ได้อยู่ในค่ายสืบทอดอำนาจ มาร่วมกันรับรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับการเสนอชื่อจากพรรคที่รวมเสียงข้างมาก ขอวิงวอน ภาคสังคม พี่น้องประชาชน ให้ ส.ส. ทุกพรรค ที่ยืนยันเรื่องเจตจำนง ปิดส.ส. ที่สภาล่าง ขอย้ำว่านี่เป็นเรื่องสันติที่สุดที่ทำให้การเมืองไม่วุ่นวาย ถ้าให้ สว. มาเลือก นายกรัฐมนตรี ไทยอาจไปสู่ความขัดเเย้งได้

ทั้งนี้ เงื่อนไขอีก 2 ข้อ นายปิยบุตร กล่าวว่า เงื่อนเอ็มโอยูของรัฐบาล พรรคอนาคตใหม่ตั้งเเต่ตั้งพรรคมา ต้องการสร้างมาตรฐานการเมืองใหม่ขึ้นมา เรายืนยันว่า การร่วมรัฐบาลจะต้องมีข้อตกลงร่วมกัน การร่วมรัฐบาลไม่ควรเกิดจากการต่อรอง เเละได้รับประโยชน์ ควรมีหลักการพื้นฐานว่าร่วมเพื่ออะไร

โดยวางเงื่อนไขร่วมรัฐบาล 3 ข้อ คือ 1. เเก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 เพื่อเพิ่มเติมบทบัญญัติหมวดใหม่ว่าด้วยการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ โดยให้มีการเลือกตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญมาจากประชาชน เเละให้สภาร่างรัฐธรรมนูญชุดนี้เป็นผู้จัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ เเล้วไปจบที่การออกเสียงประชามติ ถ้าประชาชนเห็นด้วย เราจะได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่เเทนที่ฉบับเดิมทันที

2. เข้าไปจัดการมรดกบาปของ คสช. ไม่ว่าจะเป็นคำสั่งคสช. เเผนปฏิรูป แผนยุทธศาสตร์ต่างๆ ขั้นต้นนี้ เราเสนอวิธีการง่ายที่เป็นไปได้มากที่สุด คือปลดมาตรา 279 ของรัฐธรรมนูญฉบับ 2560 ซึ่งเป็นมาตราที่ให้ความคุ้มกันคำสั่ง รับรอง การใช้อำนาจของหัวหน้า คสช. ชอบโดยรัฐธรรมนูญ ถ้าไม่ปลดล็อก ไม่มีทางที่เราจะล้างมรดกบาปได้

เเละ 3. เรื่องสุดท้าย เราต้องปฏิรูปกองทัพให้สอดคล้องกับประชาธิปไตย ถ้ากองทัพอยู่ภายใต้พลเรือน การรัฐประหารโดยกองทัพจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลย นี่คือเงื่อนไขในการเข้าร่วมรัฐบาล

โดยเรียกร้องให้คณะกรรมการเลือกตั้งเปิดเผยข้อมูล ผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง จำนวนบัตร ทั้งหมด ขอเปิดเผยเรียงหน่วยเลือกตั้ง เพื่อจะพิสูจน์ ไม่ใช่เปิดเผยทุกหน่วย เเต่เเต่ละหน่วยเอาตัวเลขมาเปิด ถ้า กกต. มั่นใจว่าทำถูกไม่มีเหตุผลจะกลัวการเปิดเผย

“พรุ่งนี้ เราจะเดินทางไปที่ กกต. เพื่อยื่นหนังสือให้ คณะกรรมการเลือกตั้งเปิดเผยข้อมูล ส่วนของข้อสงสัยในเรื่องผู้สมัครในเเต่ละพื้นที่ เรารวบรวมเเล้ว มีหลายเขตมีปัญหา เราสำรวจดูเเล้ว ผู้ชนะ ชนะอนค.ไปเพียงหลังร้อยเท่านั้น เราสงสัยในเรื่องการนับคะเเนน ว่าโปร่งใสหรือไม่ พรุ่งนี้เราจะไป กกต. เพื่อดูว่าจำเป็นหรือไม่ในการต้องนับคะเเนนใหม่ นี่คือข้อเรียกร้อง” นายปิยบุตร กล่าว