“ปิยบุตร” เผยมีจดหมายน้อยเตือนว่าเร่งคดี “หุ้นธนาธร” วอน กกต.ใช้บรรทัดฐานเดียวกันกับ ส.ส.ครึ่งสภาที่ถูกร้อง

นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ กกต.ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานะนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคและส.ส.บัญชีรายชื่อ ว่าไม่แน่ใจว่า กกต.ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยนายธนาธรในฐานะที่เป็นผู้สมัคร ส.ส. หรือ ส.ส. ถ้าตรวจสอบในฐานะผู้สมัครฯทำไม่ได้ เพราะเขาเป็น ส.ส.แล้ว แต่เห็นจากเอกสารข่าว 6 บรรทัด พบว่า กกต.ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานะตอนเป็น ส.ส.แล้ว ดังนั้นสถานะ ส.ส.นายธนาธรเริ่มต้นวันที่ 24 มีนาคม ซึ่งเรื่องโอนหุ้นเสร็จสิ้นไปก่อนหน้านั้นแล้ว หรือแม้ว่าจะเป็นผู้สมัคร ก็ยืนยันว่าการโอนหุ้นตั้งแต่ 8 มกราคมแล้ว เพราะทราบเรื่องคุณสมบัติการสมัคร ส.ส.เป็นอย่างดี จึงได้จัดการไปเรียบร้อย แต่เมื่อ กกต.ยื่นเรื่องแล้วก็พร้อมที่จะไปสู้ในชั้นศาล ยืนยันว่านายธนาธรมีความตั้งใจที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง

นายปิยบุตรกล่าวว่า ถ้าจะเล่นกันแบบนี้ก็ขอให้ กกต.ใช้มาตรฐานเดียวกัน คือมาตรฐานข้อเท็จจริงแบบเดียวกัน เพราะมี ส.ส.จำนวนมากมีปัญหาเรื่องการถือหุ้นสื่อจะส่งศาลรัฐธรรมนูญให้หมดเลยหรือไม่ เพราะเกือบครึ่งสภา นอกจากนี้เรื่องระยะเวลาควรเร่งรัดของคนอื่นเหมือนนายธนาธรด้วย และมีผู้หวังดีทั้งโทรศัพท์ ส่งข้อความและส่งจดหมายน้อยมาเตือนว่ามีการเข้ามากดดัน กกต.ให้เร่งรัดคดีนี้ แต่ไม่เชื่อจึงไม่ได้ออกมาชี้แจง

“คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ที่นายธนาธรเคยมาให้ถ้อยคำยังเคยบอกว่าให้ชี้แจงเพิ่มเติมได้ จึงไม่คิดว่า กกต.เร่งพิจารณา ขอเรียกร้องให้ กกต.พิจารณาเรื่องหุ้นกับ ส.ส.คนอื่นๆ โดยบรรทัดฐานเดียวกันที่มีการร้องถึงครึ่งสภา” นายปิยบุตรกล่าว

นายปิยบุตรยังกล่าวอีกว่า กกต.และศาลรัฐธรรมนูญสามารถใช้อำนาจหน้าที่ได้ตามกฎหมาย แต่ควรระมัดระวัง เพราะอยู่ในสายตาสาธารณชน ส่วนกรณีที่หากศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องแล้วจะสั่งให้นายธนาธรยุติการปฏิบัติหน้าที่ทันทีจนไม่อาจเข้าร่วมรัฐพิธีได้นั้น เรื่องนี้หากเทียบเคียงกรณีที่ผ่านมาศาลรัฐธรรมนูญยังไม่เคยสั่งให้ใครยุติการปฏิบัติหน้าที่ อย่างกรณีนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประกาศ ก็ไม่ได้สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้นหากจะสั่งให้นายธนาธรก็ต้องมีเหตุผล