รายงานพิเศษ
ขณะที่หัวหน้าฝ่ายรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กำลังชุลมุนแก้ปัญหาโควิด-19 เป็นจังหวะเดียวกับที่ “ลูกหาบ” พลังประชารัฐ ในก๊วนพี่ใหญ่ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค ก่อคลื่นใต้น้ำ กวนน้ำให้ขุ่น ทวงตำแหน่งรัฐมนตรี หวังเขี่ย 4 กุมาร ทีมเศรษฐกิจ
ทั้ง “อุตตม สาวนายน” รมว.คลัง หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” รมว.พลังงาน เลขาธิการพรรค “สุวิทย์ เมษินทรีย์” รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกฯ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
แต่ไม่ถึง 24 ชั่วโมง หลังเปิดเกม ลูกสมุนที่ซ่อนข้างหลัง “พล.อ.ประวิตร” ต้องพ่ายแพ้เกมอำนาจ เพราะคนที่จะยืนหนึ่ง ปรับคณะรัฐมนตรีมีเพียง “พล.อ.ประยุทธ์” ล่าสุด เมื่อ 5 พ.ค.เรียกทั้ง “อุตตม-สนธิรัตน์” พบที่ห้องทำงาน ไทยคู่ฟ้า ปิดเกมชิงอำนาจวุ่น ๆ ในพรรค ให้โฟกัสแก้ปัญหาโควิด-19 ให้จบเรียบร้อย หนุนหลังให้ทั้งคู่ทำงานต่อ
เรื่องวุ่น ๆ ในฝ่ายรัฐบาล ถูกซุกไว้ใต้พรม ว่ากันใหม่หลังโควิด-19 ซาลง
แต่การเมืองที่เคย “พักรบ” จะรีสตาร์ตใหม่ 22 พ.ค.นี้ โดยรัฐสภาจะเปิดสมัยประชุมสามัญประจำปี ครั้งที่ 2 พรรคฝ่ายรัฐบาลตั้งรับสถานการณ์โควิด-19 ในที่ตั้ง หลัง “พล.อ.ประยุทธ์” ลดบทบาทนักการเมืองในขั้วรัฐบาล ขณะที่ฝ่ายค้าน 6 พรรค กำลังเตรียมตัวซักฟอกงบประมาณ
วางประเด็นโควิด-ทุจริต
เกมใหญ่ฝ่ายค้าน “ซักฟอก” 3 พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) สู้วิกฤตโควิด-19 คือ พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท พ.ร.ก.ให้อำนาจธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปล่อยกู้ธนาคารพาณิชย์ ให้ช่วยเหลือ soft loan แก่ภาคธุรกิจ SEMs 5 แสนล้านบาท และ พ.ร.ก.ให้อำนาจ ธปท. จัดตั้งกองทุนเพื่อรักษาสภาพคล่องในตลาดตราสารหนี้ ช่วยเหลือหุ้นกู้ภาคเอกชน 4 แสนล้านบาท รวมถึงร่าง พ.ร.บ.โอนงบประมาณ 2563 หักงบฯ ทุกกรมกอง 10% มาแก้ไขโควิด-19 ทั้ง 4 ฉบับ ฝ่ายค้านนำโดยพรรคเพื่อไทย คาดการณ์ว่า จะใช้เวลาอย่างน้อย 2 วันเต็ม มากสุด 1 สัปดาห์รอแค่สภาเปิดทำการ
ทั้งนี้ “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จริง ๆ แล้วถ้าไม่เกิดปัญหาโควิด-19 จะเป็นเรื่องของการตรวจสอบเรื่องทุจริตกับประสิทธิภาพการทำงานของรัฐบาล แต่พอหลังเกิดโควิด-19 อาจจะต้องหนักหน่วงเรื่องการตรวจสอบประสิทธิภาพการบริหารสถานการณ์ในภาวะวิกฤตที่มีข้อบกพร่องผิดพลาด จนทำให้การบริหารงานในช่วงวิกฤตไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร
“ฝ่ายค้านมีหน้าที่ตรวจสอบทั้งในแง่ทุจริตต่าง ๆ ที่ค้างคาอยู่และประสิทธิภาพการทำงาน แต่ต้องดูว่าโควิด-19 จะยาวแค่ไหน น้ำหนักจะอยู่ที่ใดบ้าง”
ก้าวไกลฉายซีรีส์เงินกู้
ด้าน “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” โฆษกพรรคก้าวไกล เตรียมเปิดซีรีส์ ซักฟอกปมกู้เงิน 3 episode
EP 1 พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้าน ที่แบ่งออกเป็น 555,000 ล้านบาท ที่จะไปใช้เยียวยาประชาชน ใช้กระบวนการพิสูจน์ความจนไม่จบไม่สิ้น ตั้งคำถามว่าประชาชนจะได้ถ้วนหน้า ครอบคลุมและทันต่อเหตุการณ์หรือไม่ ส่วนงบฯ 45,000 ล้าน ที่สนับสนุนด้านสาธารณสุข การขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์ยังมีอยู่หรือไม่ โดยที่บุคลากรทางการแพทย์ต้องได้ใช้ นอกจากนี้ 400,000 ล้าน ที่ไว้ใช้ฟื้นฟูเศรษฐกิจ เหมือนตีเช็คเปล่า ไม่มีกรอบการใช้จ่ายใด ๆ ที่ชัดเจน
“ก้าวไกลตั้งกรอบสั้น ๆ ว่า อย่าให้เหมือนโครงการไทยนิยมยั่งยืน เรากลัวว่าจะเป็นโครงการขุดลอกคูคลองสู้ภัยโควิด ชุมชนเข้มแข็งสู้ภัยโควิด ผักสวนครัวรั้วกินได้สู้ภัยโควิด ไม่เกิดประโยชน์ต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจ”
“กรอบตรวจสอบ คือ เราสามารถพยุงการจ้างงานได้หรือไม่ พยุงกำลังซื้อในประเทศได้หรือไม่ พยุง SMEs ได้หรือไม่ เกิดการว่าจ้างงานกันต่อได้หรือไม่”
พ.ร.ก.ที่ 2 คือการให้ ธปท.ปล่อยกู้ธนาคารพาณิชย์ ช่วยเหลือเงินกู้ soft loan ให้กับ SMEs ตามคอนเซ็ปต์ดี แต่การช่วยเหลือจะไปถึง SMEs รายเล็กรายน้อยจริงหรือไม่
ส่วน พ.ร.ก.ที่ช่วยเหลือตลาดตราสารหนี้ ต้องดูเป็นรายตัว เช่น ถ้าพยุงตราสารหนี้ที่กองทุนประกันสังคมไปถือ ถ้าตราสารหนี้ตัวนั้นมีปัญหาส่งผลกระทบต่อประชาชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราเห็นด้วยที่จะเข้าไปพยุง ปล่อยให้มีปัญหาไม่ได้ แต่ถ้าเป็นหุ้นกู้เป็นของนายทุน ทั้งที่เขาควรจะช่วยเหลือตัวเองได้ “ก้าวไกล”จะตรวจสอบ
EP 2 ร่าง พ.ร.บ.โอนงบประมาณ 63 คำถามคือ งบฯที่ควรถูกโอนได้โอนมาหรือไม่ งบฯที่ไม่ควรโอน เช่น งบประมาณหลักประกันสุขภาพไม่ควรโอนจะโอนมาทำไม งบฯที่โอนมาได้รีดไขมันหรือเปล่า หรือโอนมาเฉพาะงบฯที่ตนเองไม่มีศักยภาพในการใช้แล้วเท่านั้น เช่น กองทัพบกโอนงบฯร้อยละ 30 แต่ตัวเลขการเบิกจ่ายของกองทัพบก เบิกจ่ายได้แค่ร้อยละ 50-60 ต่อปี ที่โอนมาร้อยละ 30 คือ ส่วนที่เบิกจ่ายไม่ได้
EP 3 เรื่องงบประมาณปี”64 สะท้อนกับสภาวการณ์ เป็นงบฯที่ถูกกาลเทศะหรือไม่ เพราะนายกฯมีมติให้ไปแก้ให้สอดคล้องกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ถ้าแก้แล้วยังขี้เหร่ ซื้ออาวุธจัดหนัก จัดเต็ม มีงบฯสัมมนา อบรม สัมมนาต่างประเทศ เราเห็นว่าไม่สมควร
ตรวจเงินกู้ทุกบาท ทุกสตางค์
“วิโรจน์” ขอให้จับตาไฮไลต์สำคัญ การเสนอญัตติตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญติดตามการใช้งบประมาณจาก พ.ร.บ.เงินกู้และงบฯกลาง เพราะที่ผ่านมาประชาชนถามเยอะว่า งบฯกลางถูกใช้ไปเพราะอะไร ซึ่งการมี กมธ.ที่ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดจะทำให้ประชาชนมั่นใจว่าเงินทุกบาทถูกใช้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังติดตามการปฏิรูปกองทัพ ด้วยการเสนอญัตติตั้ง คณะกรรมาธิการวิสามัญติดตามปฏิรูปกองทัพ
ส่วนประเด็นที่ “ก้าวไกล” ต้องจี้ต่อ คือ ร่าง พ.ร.บ.ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ร่าง พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ ร่าง พ.ร.บ.ที่เกี่ยวกับสุราเสรี ว่าจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาเมื่อใด
ประชาชาติลับมีดรออภิปราย
เช่นเดียวกับพรรคประชาชาติ ที่มี “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” เป็นหัวหน้าพรรคเผยแผนเตรียมซักฟอก พ.ร.ก.เงินกู้ทั้ง 3 ฉบับ และร่าง พ.ร.บ.โอนงบประมาณ เป็นแพ็กเดียวกับฝ่ายค้าน เพราะการแก้ปัญหาโควิด-19 ของรัฐบาลทำได้ไม่ดีเพียงพอ มีข้อบกพร่องเยอะ เยียวยาล่าช้า ไม่ทั่วถึง ยกเว้นกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งดูแลประชาชนได้น่าพอใจ ดีกว่าหลายประเทศ ดังนั้น พรรคประชาชาติจะเชิญ วิทยากรมาให้ข้อมูลกับบรรดา ส.ส.พรรค ในวันที่ 18 พ.ค.ที่จะถึงนี้
ส่วนในระดับพื้นที่ ให้ ส.ส.พรรครับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยื่นต่อศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และยื่นหนังสือต่อ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะนายกฯ และกระทรวงมหาดไทยแล้ว
คนอดอยาก กำหนดการเมือง
ในฐานะสังเกตการณ์การเมือง ผ่านร้อน-หนาวมาอย่างโชกโชน “จตุพร พรหมพันธุ์” ประธาน นปช. สังเคราะห์การเมืองที่จะ “รีสตาร์ต” ว่า ไม่มีประเด็นอะไรใหญ่ไปกว่าการอดอยากของประชาชน
ท้ายที่สุดความอดอยากของประชาชนจะเป็นแรงกดดันของทุกฝ่ายทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน เพราะฝ่ายค้านต้องสื่อสารมายังรัฐบาลว่า ประชาชนเดือดร้อนแสนสาหัสเพียงใด เพราะที่ผ่านมาก่อนเกิดโควิด-19 สภาพเศรษฐกิจของประเทศไทยย่ำแย่ติดต่อกันอยู่แล้ว
“การแจกสิ่งของแจกเงินโดยประชาชน แถวยาวเป็นกิโล รวมถึงการปิดการลงทะเบียนเยียวยาเงิน 5 พันบาทจะเป็นระเบิดเวลา ถ้ารัฐบาลไม่ยกเครื่องการแก้ปัญหาแบบหน้ามือเป็นหลังมือ จะรับสถานการณ์เศรษฐกิจชุดนี้ไม่ได้”
หากเป็นม็อบการเมืองไม่ว่าฝ่ายใดก็ตาม ทุกคนคาดการณ์ได้ แต่ม็อบคนหิวยากที่จะคาดเดา ความอดอยากจากฆ่าตัวตาย จะนำไปสู่ลัก วิ่ง ชิง ปล้น นี่คือความน่าเป็นห่วง และยังไม่แน่ว่าเปิดประชุมรัฐสภา วันที่ 22 พ.ค. จะสามารถประชุมกันได้ต่อหรือไม่ เพราะถ้าเสียงข้างมากมีมติให้เลื่อนการประชุมออกไป จนกว่าวิกฤตโควิด-19 จะคลี่คลาย เพื่อปิดปากฝ่ายค้านก็สามารถทำได้ เพราะดูอาการฝ่ายรัฐบาลไม่อยากให้เปิดประชุม แม้เป็นไฟต์บังคับ เพราะเป็นการเปิดสมัยประชุมสภา ก็สามารถใช้เสียงข้างมากเลื่อนการอภิปรายได้
“เรื่องความอดอยากน่าจะกลบทุกเรื่อง การเมืองกลายเป็นเรื่องเล็ก ความหิวจะเป็นตัวกำหนดสถานการณ์การเมืองรอบนี้ เรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี ดูชื่อที่ปรากฏตามข่าวก็คงไม่ช่วยอะไร เป็นสมบัติผลัดกันชม ปัญหาของประเทศใหญ่เกินกว่าสถานการณ์ที่ดำรงอยู่ในขณะนี้”
“พล.อ.ประยุทธ์น่าจะรู้สถานการณ์ดีมากที่สุด การที่เอาข้าราชการมาแก้ไขปัญหาแทนนักการเมืองในศูนย์ ศบค. คงตัดสินใจบางอย่างล่วงหน้าแล้ว ถ้าคิดว่าอยู่ในรูปแบบปกติ ก็คงไม่ไปกระทบพรรคร่วมรัฐบาล ดังนั้น การเมืองหลังเปิดสภามีอะไรที่ซ่อนเงื่อนอยู่มากมาย”
ถามว่าใช่การปฏิวัติซ้ำหรือไม่ “จตุพร” ตอบแบบไม่ฟันธงว่า สถานการณ์ไม่เอื้อเหมือน 22 พ.ค. 2557 ที่มีคนปูสถานการณ์จนเกิดความคิด แต่สถานการณ์ขณะนี้อยู่ท่ามกลางความอดอยาก มันยากแต่ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่อุณหภูมิการเมืองจะไม่เหมือนปี 2557
การเมืองหลังโควิด-19 รอระเบิด