24 มิถุนายน 2475 วันเปลี่ยนแปลงการปกครองของสยาม จากระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เป็นการปกครองระบอบประชาธิปไตย
90 ปีหลังเหตุการณ์ 24 มิถุนายน 2575 ประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และระบบการเมืองอีกหลายครั้ง กระทั่งหลัง 14 ตุลาคม 2516 จึงกำหนดให้ทุกวันที่ 14 ตุลาคมเป็นวันประชาธิปไตย
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
ข้อมูลจากหนังสือธรรมศาสตร์ การเมืองไทย จากปฏิวัติ 2475 ถึง 16 ตุลาฯ 2516-6 ตุลาฯ 2519 โดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ เขียนเล่าอัตชีวประวัติ ร่นปรีดี พนมยงค์ หนึ่งในผู้ก่อตั้งคณะราษฎร ที่มีหน้าที่ดำเนินการด้านการปรับเปลี่ยนโครงสร้างและระบบการเมืองของประเทศไทย
คณะราษฎร (The People’s Party) เป็นการรวมกลุ่มของข้าราชการกลุ่มเล็ก ๆ จำนวนหนึ่งที่มีสมาชิกเป็นข้าราชการทหารและพลเรือนจำนวน 7 คน ที่มีปรีดี พนมยงค์ เป็นมันสมองของกลุ่ม
“คณะราษฎร” มีวัตถุประะสงค์สำคัญ คือ “เปลี่ยนแปลงการปกครองของกษัตริย์เหนือกฏหมาย มาเป็นระบบการปกครองที่มีกษัตริย์อยู่ภายใต้กฏหมาย” ซึ่งคือการเปลี่ยนระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ให้มาเป็นระบบรัฐธรรมนูญ เป็นประชาธิปไตย
สมาชิกผู้ก่อตั้งคณะราษฏร 7 คน
คณะราษฏรมีการประชุมครั้งแรกที่บ้านพัก เลขที่ 9 ถนนซอมเมอราร์ด (Rue Du Sommerard) ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2469 ซึ่งติดต่อกันนานถึง 5 วัน ที่ประชุมมีมติตกลงเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่มีกษัตริย์อยู่ใต้กฎหมาย สมาชิกทั้ง 7 ประกอบด้วย
-
- นายร้อยแปลก ขีตตะสังคะ (จอมพล ป. หลวงพิบูลสงคราม) นักเรียนวิชาทหารปืนใหญ่ ประเทศฝรั่งเศส
- นายปรีดี พนมยงค์ นักเรียนวิชากฎหมาย ประเทศฝรั่งเศส
- ร้อยโทประยูร ภมรมนตรี นักเรียนวิชารัฐศาสตร์ ประเทศฝรั่งเศส
- ร้อยตรีทัศนัย มิตรภักดี นักเรียนวิชาทหารม้า ประเทศฝรั่งเศส
- นายตั้ว ลพานุกรม นักเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
- นายจรูญ สิงหเสนี ผู้ช่วยราชการสถานทูตสยามในประเทศฝรั่งเศส
- นายแนบ พหลโยธิน นักเรียนวิชากฎหมาย ประเทศอังกฤษ
เมื่อสมาชิกผู้ก่อตั้งคณะราษฎรต่างสำเร็จการศึกษาและกลับมารับราชการในตำแหน่งต่าง ๆ พร้อมกับหาสมาชิกในทางลับ และในท้ายที่สุดได้นายพันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน) มาเป็นหัวหน้าคณะ และมีสมาชิกคณะราษฎรทั้งสิ้น 102 คน แบ่งเป็นสายทหารบก 34 นาย สายทหารเรือ 18 นาย สายพลเรือน 50 คน
ในขณะที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ย์รัชกาลที่ 7 ทรงประทับอยู่ที่วังไกลกังวล หัวหิน โดยมีสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต ประธานอภิรัฐมนตรีสภาและเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้รักษาการพระนคร การปฏิบัติการยึดอำนาจเกิดขึ้นในช่วงรุ่งสางของเช้าวันที่ 24 มิถุนายน 2475
ราว 06.00 น. พันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา พร้อมด้วยพันเอกพระยาทรงสุรเดช ได้ดำเนินการตามแผนเคลื่อนกำลังประชิดลานพระที่นั่งอนันตสมาคม และมีการจับตัวพระบรมวงศ์มาเป็นตัวประกัน
พันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา ปีนขึ้นไปบนยอดรถหุ้มเกราะคันหนึ่งและอ่านประกาศคณะราษฎร ซึ่งเป็นแถลงการณ์ประกาศถึงจุดจบของระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชและการสถาปนารัฐอันมีรัฐธรรมนูญขึ้นในสยาม ประกาศคณะราษฎรถึง “ราษฎรทั้งหลาย”
โดยประกาศดังกล่าวระบุถึงการปกครองภายใต้ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์หลายประเด็น และเห็นว่าหากมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ประเทศจะเป็นไปตามหลักการที่คณะราษฎรนำเสนอ คือ
หลักการที่คณะราษฎรนำเสนอ
-
- จะต้องรักษาความเป็นเอกราชทั้งหลาย เช่น เอกราชในบ้านเมือง ในทางศาล ในทางเศรษฐกิจ ฯลฯ ของประเทศไว้ให้มั่นคง
- จะรักษาความปลอดภัยในประเทศ ให้การประทุษร้ายต่อกันลดน้อยลงให้มาก
- จะต้องบำรุงความสมบูรณ์ของราษฎรในทางเศรษฐกิจ โดยรัฐบาลใหม่จะจัดหางานให้ราษฎรทำ จะวางโครงการเศรษฐกิจแห่งชาติ ไม่ปล่อยให้ราษฎรอดอยาก
- จะต้องให้ราษฎรมีสิทธิเสมอภาคกัน ไม่ใช่ให้พวกเจ้ามีสิทธิยิ่งกว่าราษฎรเช่นที่เป็นอยู่
- จะต้องให้ราษฎรได้มีเสรีภาพ มีความเป็นอิสระ เมื่อเสรีภาพนี้ไม่ขัดต่อหลัก 4 ประการดังกล่าวข้างต้น
- จะต้องให้การศึกษาอย่างเต็มที่แก่ราษฎร
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนระบอบทางการเมืองสำเร็จได้เมื่อคณะราษฎรส่งแกนนำไปเข้าเฝ้าฯพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 เสด็จกลับจากพระราชวังไกลกังวล หัวหิน เพื่อเป็นกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับแรก ที่จดสร้างโดยคณะราษฎร เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2475 เนื่องจากไม่ประสงค์ให้มีการนองเลือด
สำหรับปัจจัยความสำเร็จข้อแรกในการปฏิวัติ 2475 ครั้งนี้ คือ ปัจจัยอุดมการณ์ลัทธิรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกระแสทั่วโลกในขณะนั้นไม่ว่าจะเป็นประเทศที่เก่าแก่ หรือเป็นประเทศที่เพิ่งได้รับเอกราช หรือประเทศที่ยังตกเป็นอาณานิคมของประเทศตะวันตก ก็ต่างมีรัฐธรรมนูญเป็นกฏหมายสูงสุด มีกระบวนการเลือกตั้งผู้แทนราษฎร แต่สำหรับประเทศไทยนั้นยังเป็นประเทศที่มีเอกราชประเทศเดียวในโลกที่ยังไม่มีรัฐธรรมนูญ มีการแต่งตั้งปวงชน แต่ยังเป็นประเทศที่มีการปกครองโดยบุคคลเพียงคนเดียว
ปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ตกต่ำ การใช้จ่ายที่เกินตัวของรัฐบาลในขณะนั้นที่เป็นตัวเร่งและเป็นตัวสะท้อนการไม่มีความสามารถในการบริหารบ้านเมือง และการปรับตัวเชิงสถาบันทางการเมืองของระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ได้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้บ้านเมืองเกิดภาวะข้าวยากหมากแพงและเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า