เปิดตัว ส.ส.ทีมเจ้ายุทธ-ปราบมาร ต้านฝ่ายค้าน เคาะระฆังอภิปรายไม่ไว้วางใจ

เปิดตัว ส.ส.ทีมเจ้ายุทธ-ปราบมาร ต้านฝ่ายค้าน

ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ครั้งที่ 4 – สงครามครั้งสุดท้ายของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี-รมว.กลาโหมกับพวก10 รัฐมนตรี พรรคฝ่ายค้านไม่หวังน็อกแต่หวังนับ 8 ให้รัฐบาลเมาหมัดไปถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า

มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2565 เห็นชอบญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 บรรยายถึงพฤติการณ์-เรื่องที่จะซักฟอกยาว 4 หน้ากระดาษ

“ผลจากการบริหารราชการแผ่นดินและพฤติกรรมต่าง ๆ ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และรัฐมนตรีรวม 11 คน ได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติอย่างใหญ่หลวง ประเทศชาติประสพความตกต่ำอย่างถึงที่สุดในทุกด้าน ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจและสังคม ประชาชนสูญเสียโอกาสที่จะได้คุณภาพชีวิตและหลักประกันการดำรงชีพที่ดี เดือนร้อนไปทุกหย่อมหญ้า เกิดภาวะ ‘รวยกระจุก จนกระจาย’ และ ‘ค่าครองชีพสูง คุณภาพชีวิตต่ำ’

หากปล่อยให้พล.อ.ประยุทธ์และรัฐมนตรีดังกล่าวยังคงบริหารราชการแผ่นดินต่อไป ย่อมนำมาซึ่งความเสียหายแก่ประเทศชาติและประชาชนจนยากที่จะเยียวยาแก้ไขได้”เอกสารแนบประทับตราสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราฎรขมวดความผิด-ข้อพลาดของ 11 รัฐมนตรี

ครม.ไม่ได้กำหนด วัน ว. เวลา น. แต่ได้ “ล็อกไว้” ไว้ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม 2565 เป็นต้นไป โดยมอบหมายให้ “อนุชา นาคาศัย” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รับไปประสานกับนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กำหนดวันอภิปราย-พล.อ.ประยุทธ์-10 รัฐมนตรีจะชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร

พรรคเพื่อไทย-หัวขบวนพรรคฝ่ายค้าน รัวกลองศึกซักฟอกครั้งสุดท้าย ภายใต้ยุทธการ “เด็ดหัว สอยนั่งร้าน” พล.อ.ประยุทธ์ คือ คนที่จะถูก “เด็ดหัว” ขณะที่ 10 รัฐมนตรี คือ “นั่งร้าน” ที่จะถูก “สอย”

โดยฝ่ายพันธมิตรพรรคฝ่ายค้านวางขุมกำลัง-ขุนพลไว้ลับฝีปากอย่างน้อย 15 คน

พฤติการณ์ซักฟอกกประยุทธ์-3 ป.

สำหรับนั่งร้าน-10 รัฐมนตรี ประกอบด้วย พรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี-รมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรค นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย รองหัวหน้าพรรค นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

พรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี-รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรค นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เลขาธิการพรรค

พรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรค นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง เลขาธิการพรรค นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ผู้อำนวยการพรรค นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รองหัวหน้าพรรค

นอกจากนี้ยังมี อะไหล่ 3 ป. อย่าง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ถูกจองกฐินด้วย

สำหรับพฤติการณ์-พฤติกรรมของ พล.อ.ประยุทธ์ – 10 รัฐมนตรี ประกอบด้วย

พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี-รมว.กลาโหม : ตลอดระยะเวลาร่วมแปดปีที่บริหารประเทศมาในฐานะนายกรัฐมนตรีผิดพลาดล้มเหลว ไม่สามารถ แก้ปัญหาต่าง ๆ ให้กับประเทศ ไม่สามารถสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและความอยู่ดีกินดีให้กับประชาชนได้เลย ในทางตรงกันข้ามกลับกลายเป็นต้นตอที่ทำให้ปัญหาที่มีอยู่มีความซับซ้อน ขยายวงกว้างและรุนแรงยิ่งขึ้นทั้งปัญหาด้านเศรษฐกิจ การเมือง อาชญากรรม ยาเสพติด การทุจริตคอรัปชั่น ประชาชนในชาติแตกแยกแบ่งฝักแบ่งฝ่ายขยายวงกว้างขึ้นมากกว่าเดิม

โดยเฉพาะปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นในยุคของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นับว่ามีสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์โดยแพร่กระจายไปทุกอณูของสังคม เป็นยุคที่ทุจริตเฟื่องฟูความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจรั้งท้ายของอาเซียน

ทั้งนี้เป็นผลมาจากการที่ พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ไร้ภูมิปัญญาไร้องค์ความรู้ไร้ความสามารถ ไร้ประสิทธิภาพ ไร้จิตสำนึกรับผิดชอบ ขาดภาวะความเป็นผู้นำที่จะเป็นหัวหน้ารัฐบาล เป็นผู้นำที่พิการทางความคิด ยึดติดแต่อำนาจ ไม่เคารพหลักนิติรัฐนิติธรรม ไร้คุณธรรมจริยธรรม ทำให้การบริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว ผิดพลาด บกพร่องเสียหายอย่างร้ายแรงทุกด้าน

ทั้งด้านการเมืองเศรษฐกิจและสังคม มีพฤติกรรมปล่อยปละละเลยให้บุคคลแวดล้อมและพวกพ้องของตนแสวงหาผลประโยชน์บนความทุกข์ยากของพี่น้องประชาชน ไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย โดยละเว้นเพิกเฉยต่อการทุจริตในภาครัฐเพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่ตนเองและพวกพ้องการใช้จ่ายงบประมาณมิได้คำนึงถึงวินัยการเงินการคลัง มุ่งแต่ก่อหนี้เพื่อแสวงหาคะแนนนิยมทางการเมือง โดยไม่สนใจต่อภาระหนี้สาธารณะและหนี้สินต่อหัวของประชาชน

จนเรียกได้ว่า “เป็นยุคก่อหนี้มหาศาลเพื่อนำมาผลาญโดยไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศและประชาชน” ไม่ปฏิบัติตามนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา ไม่ใส่ใจและไม่ดำเนินการแก้ไขข้อบกพร่องในการบริหารราชการแผ่นดินตามข้อกล่าวหาและคำแนะนำของสภา จงใจปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ขาดจิตสำนึกในความเป็นประชาธิปไตย ไร้การเคารพซึ่งสิทธิเสรีภาพของประชาชน

มุ่งใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือทางการเมืองปิดปากประชาชนและปิดกั้นเสรีภาพของสื่อมวลชน ละเมิดสิทธิมนุษยชน ใช้งบประมาณเพื่อการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ที่ไม่มีความจำเป็นต่อภารกิจของประเทศในภาวะที่ประเทศมีปัญหาด้านเศรษฐกิจที่รุนแรง ไม่กำกับดูแลการใช้งบประมาณแผ่นดินให้เป็นไปโดยมีประสิทธิภาพ มีประสิทธิผล ไม่รักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน

ผลจากการบริหารประเทศของพลเอกประยุทธ์จันทร์โอชานับวันจะทำให้ประเทศถอยหลัง เศรษฐกิจของประเทศดิ่งเหว ประชาชนที่ยากจนอยู่แล้วยิ่งยากจนลงเรื่อยๆ ความเหลื่อมล้ำระหว่างคนจนกับคนรวยขยายวงกว้างมากขึ้น ผู้คนตกงานและบัณฑิตจบใหม่ไม่มีงานทำเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ธุรกิจย้ายฐานการผลิตไปประเทศอื่น นักลงทุนใหม่ก็เข้ามาลงทุนน้อยลง

ขณะที่ปัญหาสังคมทั้งยาเสพติด อาชญากรรมโดยเฉพาะอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่เพิ่มมากขึ้นสร้างความเสียหายและความเดือดร้อนให้กับประชาชนโดยที่ภาครัฐไม่สามารถป้องกันและแก้ปัญหาดังกล่าว ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้สถานการณ์ความเดือดร้อนและความทุกข์ยากของประชาชนดังกล่าว พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับปล่อยให้พวกพ้องและบุคคลแวดล้อมของตนเองกระทำการทุจริต และประพฤติมิชอบอย่างกว้างขวาง

ไม่ใส่ใจที่จะป้องกันและปราบปราม มีการใช้เงินและการต่อรอง ผลประโยชน์เพื่อความอยู่รอดทางการเมืองของตนเอง อันเป็นการทำลายระบบรัฐสภาและหลักการ ประชาธิปไตย จนทำให้ระบบรัฐสภาตกต่ำสั่นคลอน และกลไกในระบบรัฐสภาเสียหาย

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี : จงใจไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มุ่งสร้างความมั่งคั่งในตำแหน่งหน้าที่ รู้เห็นเป็นใจหรือปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตและแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายที่เกิดกับประเทศ ไร้จิตสำนึกและไร้ความรับผิดชอบต่อตำแหน่งหน้าที่

ไม่เป็นแบบอย่างที่ดีในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต แต่กลับทำตนเป็นแบบอย่างของการหลีกเลี่ยงการปฏิบัติตามกฎหมายที่มีวัตถุประสงค์ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต เมื่อพบเห็นการทุจริตกลับปกป้องและไม่ดำเนินการแก้ไข

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย : ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ขาดซึ่งธรรมาภิบาล บริหารราชการแผ่นดินผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรงใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตของ หน่วยงานในกำกับดูแลอย่างกว้างขวาง

เมื่อรู้ว่ามีการทุจริตกลับไม่ระงับ ยับยั้ง แต่กลับรู้เห็นยินยอมให้มีการกระทำดังกล่าวจนทำให้การทุจริตเป็นเรื่องปกติของการปฏิบัติหน้าที่ราชการ ทำให้ระบบราชการและประเทศชาติได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง

สอยภูมิใจไทย-ประชาธิปัตย์ นั่งร้านประยุทธ์

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี-รมว.พาณิชย์ : มีพฤติกรรมฉ้อฉล ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ รู้เห็นเป็นใจหรือปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตในองค์กรหรือหน่วยงานในกำกับดูแล สร้างความเสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ แสวงหาผลประโยชน์สำหรับตนเองและพวกพ้อง ไม่ระงับยับยั้ง ละเลยไม่ติดตามแก้ไขปัญหาการทุจริตเพื่อให้มีการชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่รัฐ

ล้มเหลวและไร้ความรู้ความสามารถในการบริหารราชการของกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงในกำกับดูแล ปล่อยให้ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคสูงขึ้นจนกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนและการดำเนินธุรกิจของภาคเอกชน จนส่งผลกระทบต่อประชาชนทุกหย่อมหญ้า จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี-รมว.สาธาณสุข : ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ไร้คุณธรรมจริยธรรม ไร้จิตสำนึกของการเป็นนักการเมืองที่ดีมีพฤติกรรมทำลายระบบการเมืองด้วยการรู้เห็นเป็นใจ สนับสนุนการใช้เงินและผลประโยชน์เพื่อมุ่งดึง ส.ส.จากพรรคการเมืองอื่นเข้าสังกัดกลุ่มการเมืองของตนโดยไม่คำนึงถึงหลักการประชาธิปไตยและคุณธรรมทางการเมือง

ทำให้ระบบการเมืองถอยหลังไปสู่ยุคการใช้เงินและผลประโยชน์สร้างฐานอำนาจทางการเมือง อันถือเป็นธุรกิจการเมืองที่ทำลายอุดมการณ์ประชาธิปไตย เปลี่ยนจากระบบคุณธรรมนำการเมืองเป็นใช้เงินและผลประโยชน์นำการเมือง

นายอนุทิน ชาญวีรกูล ยังล้มเหลวผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรง ไร้ความรู้ความสามารถในการบริหารราชการของกระทรวงสาธารณสุข มีการใช้งบประมาณแผ่นดินเกินความจำเป็นและไม่เกิดประโยชน์เกิดความเสียหายแก่งบประมาณของประเทศมุ่งเอื้อประโยชน์ให้เพื่อนพ้องบริวาร แสวงหาประโยชน์จากตำแหน่งและหน้าที่ของตน จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม : ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ บริหารราชการแผ่นดินโดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมของชาติ มีพฤติกรรมใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่เพื่อแสวงหาประโยชน์ให้กับตนเองและพวกพ้อง ดำเนินนโยบายโดยไม่คำนึงถึงความคุ้มค่าในด้านการใช้จ่ายงบประมาณ

มีการใช้งบประมาณจำนวนมากโดยไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจและประโยชน์สาธารณะ ทำให้ประเทศสูญเสียโอกาสและงบประมาณจำนวนมหาศาลใช้สถานะหรือตำแหน่งกระทำการโดยทางตรงและทางอ้อม

อันเป็นการก้าวก่ายแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐในกระทรวงคมนาคม เพื่อประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง และพรรคการเมืองที่ตนสังกัด ละเว้นไม่ดูแลให้มีการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดจนเกิดความเสียหายต่อแผ่นดินไม่ดูแลให้เกิดการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม

มีผลประโยชน์ทับซ้อนและกระทำการขัดกันแห่งผลประโยชน์ จงใจปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายเพื่อให้ตนเองมีส่วนได้รับประโยชน์จากโครงการต่างๆ ของรัฐ ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดีอีเอส : บริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว บกพร่องอย่างร้ายแรง ปล่อยปละละเลยให้เกิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่ทำลายระบบเศรษฐกิจและสร้างความเสียหายต่อประชาชนอย่างกว้างขวางแพร่หลายและเพิ่มจำนวนมากขึ้นโดยไม่สนใจ และขาดความรู้ความสามารถที่จะป้องกันและปราบปราม สนใจเอาผิดแต่เฉพาะกับกลุ่มบุคคล นักเรียน นิสิต นักศึกษา ที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล

ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือทางการเมือง ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้กับตนเอง บริวาร และพวกพ้อง นอกจากนี้ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ยังมีพฤติการณ์จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย มีความประพฤติเสื่อมเสียทางศีลธรรมอันดีฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ : ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ล้มเหลว ไร้ความรู้ความสามารถในการดูแลงานด้านพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ปล่อยให้ประชาชนขาดไร้ซึ่งที่อยู่อาศัย และค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพ ขณะทีการใช้งบประมาณแผ่นดินกลับมุ่งเพื่อแสวงหาประโยชน์สำหรับตนเองและพวกพ้องทำให้คุณภาพชีวิตของประชาชนตกต่ำขาดโอกาสในการพัฒนาศักยภาพของตนเอง

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง : ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มีพฤติกรรมทุจริตต่อหน้าที่ ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตและแสวงหาประโยชน์ในหน่วยงานที่กำกับดูแล เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชน ไม่ดูแลรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย : ไร้ความรู้ความสามารถในการบริหารราชการแผ่นดิน มีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ปล่อยปละละเลย รู้เห็น สนับสนุนให้มีการทุจริตและแสวงหาผลประโยชน์ภายในหน่วยงานในกำกับดูแล ไม่ดำเนินการตรวจสอบ ระงับ ยับยั้งและป้องกันการทุจริตจนทำให้เกิดความเสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง

นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน : ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มีพฤติการณ์ส่อไปทางทุจริตและประพฤติมิชอบต่อหน้าที่ กระทำการอันเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้กับตนเองและพวกพ้อง จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย ปล่อยปะละเลยให้มีการแสวงหาผลประโยชน์จากการนำแรงงานต่างด้าวเข้าประเทศ เอื้อประโยชน์ให้เอกชนรายใหญ่ในการใช้ประโยชน์จากแรงงานโดยผิดกฎหมาย ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

โปรไฟล์ทีมปราบมาร – เจ้ายุทธ์พิทักษ์ลุงตู่นอกสภา

ฟากพรรครัฐบาล นำโดยพรรคพลังประชารัฐ เตรียมองครักษ์พิทักษ์ 3 ป. ภายใต้ชื่อ ว่า “ทีมปราบมาร” อย่างน้อย 11 คน ส่วนใหญ่เป็น “ส.ส.หน้าใหม่” ที่ยังไม่เคยมีบทบาทในสภา-ไม่เคยออกศึกใหญ่ ประกอบด้วย

1.นายพรชัย ตระกูลวรานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคพลังประชารัฐ โปรไฟล์ทางด้านการเมือง ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรม ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี ที่ปรึกษาประธานวุฒิสภา

ด้านการศึกษา จบรัฐศาสตรบัณฑิต เกียรตินิยมอันดับ 2 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย Master of Arts (Social Anthropology) UNIVERSITY OF KENT AT CANTERBURY และ Master of Philosophy (Social Anthropology) UNIVERSITY OF KENT AT CANTERBURY ประเทศสหราชอาณาจักร

2.นายสุรพร ดนัยตั้งตระกูล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) จังหวัดร้อยเอ็ด พ.ศ. 2543-2549 รักษาการผู้จัดการและประธานคณะกรรมการบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม กรรมการธนาคารนำเข้าและส่งออกแห่งประเทศไทย กรรมการองค์การคลังสินค้า

จบการศึกษา นิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รัฐศาสตรมหาบัณฑิต (การเมืองการปกครอง) มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช

3.นายภาคิน สมมิตรธนกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ บริหารงานธุรกิจด้านพลังงาน งานทดแทน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โกลด์เพาเวอร์คอร์ปอเรชั่น จำกัด ธุรกิจประเภทบริหารจัดการขยะ

จบการศึกษา รัฐศาสตรมหาบัณฑิต (การปกครอง) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต (รัฐประศาสนศาสตร์) มหาวิทยาลัยบูรพา

4.น.ส.กัลยา รุ่งวิจิตร ส.ส.สระบุรี เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ อดีต ส.ส.สระบุรี 3 สมัย สมัยแรกการเลือกตั้งปี 2550 -สมัยที่ 2 การเลือกตั้งปี 2554 ในนามพรรคประชาธิปัตย์ จบการศึกษา บริหารธุรกิจบัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์

5.พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.จันทบุรี เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ อดีต “ส.ส.งูเห่า” ที่ถูกขับออกจากพรรคอนาคตใหม่ อดีตข้าราชการตำรวจ เคยได้รับรางวัลข้าราชการพลเรือนดีเด่นครุฑทองคำ ได้รับรางวัลตำรวจแดร์ดีเด่น รางวัลตำรวจสีขาวดาวคุณธรรม

จบการศึกษา นิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง การศึกษามหาบัณฑิต (การบริหารการศึกษา) มหาวิทยาลัยบูรพา ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต (รัฐประศาสนศาสตร์) มหาวิทยาลัยทักษิณ

6.นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ส.ส.กทม.เขต 4 พรรคพลังประชารัฐ อดีตสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร ( ส.ก.) 2 สมัย เคยเจอกระแสดรามา จัดงานวันเกิด ดื่มกิน-ถ่ายรูป ถอดแมสก์ ในช่วงการระบาดโควิด-19 จนต้องออกมาขอโทษ-ขอความเห็นใจ

“เจ้าแม่คลองเตย” ยังเคยเปิดหน้าชน แทนพล.อ.ประยุทธ์ หลัง “ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า “เจ้าพ่อคลองเตย” หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย เลขาธิการพรรคเศรษฐกิจไทยในขณะนั้น ลงไปทำกิจกรรมทางการเมือง-หาเสียงพื้นที่คลองเตย

“ตั้งแต่เป็นนักการเมือง เป็นเวลา 11 ปี (ส.ก. 2 สมัย 8 ปี และ ส.ส. 3 ปี) เพิ่งเคยเห็นนายกรัฐมนตรี ท่านเดียวที่มีความห่วงใยและลงมาพบปะพี่น้องประชาชนในพื้นที่ชุมชนแออัดคลองเตย คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา”

จบการศึกษา ศิลปศาสตรบัณฑิต (รัฐศาสตร์) มหาวิทยาลัยรามคำแหง ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต (รัฐศาสตร์) มหาวิทยาลัยรามคำแหง

7.นายอาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ หรือ “นายกตรีอาญาสิทธิ์” อดีตนายอำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง  จบการศึกษานิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง

8.นายสัญญา นิลสุพรรณ ส.ส.นครสวรรค์ เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ “ลูกกำนัน” – นายสายัณห์ นิลสุพรรณ อดีตกำนันตำบลหนองตางู อำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์

“ศิษย์ก้นกุฏิ” รุ่นสุดท้ายของ “บุญชู โรจนเสถียร” อดีตรองนายกรัฐมนตีสมัยรัฐบาลพล.อ.เปรม-รัฐบาลนายชวน และอดีตรมว.คลังสมัยรัฐบาลม.ร.ว.คึกฤทธิ์

ดำรงตำแหน่งคณะทำงานอนุกรรมการพิจารณากลั่นกรองเรื่องร้องเรียนคณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ที่ปรึกษาประธานสภากรุงเทพมหานคร ที่ปรึกษาสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย จบการศึกษา อักษรศาสตรบัณฑิต (รัฐศาสตร์) มหาวิทยาลัยรามคำแหง

นายสัญญาเคยเจอกระแสดรามาใช้รถหลวงขึ้นป้ายหาเสียงในช่วงการเลือกตั้งปี 2562 แต่เจ้าตัวออกมาปฏิเสธว่า เป็นรถของชาวบ้านที่ประมูลจากการขายทอดตลาด

9.นายรงค์ บุญสวยขวัญ ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ เคยเป็นอาจารย์สอนปริญญาตรี โท เอก นานกว่า 20 ปี อาจารย์สายวิจัย โดยเป็นหัวหน้าโครงการวิจัยและเป็นนักวิจัย ที่เน้นการพัฒนาเชิงพื้นที่การเมือง ภาคประชาชนบริหารจัดการทางสังคม การเมืองการบริหารจัดการเมือง และท้องถิ่นที่มีผลงานตีพิมพ์ ทั้งแบบบทความทางวิชาการ และหนังสือตำรา เผยแพร่อย่างกว้างขวาง

เป็นอาจารย์ทำหน้าที่ด้านสื่อ โดยเฉพาะสื่อวิทยุและโทรทัศน์ ทั้งเป็นพิธีกรและวิทยากร สื่อโซเชียลมีเดีย รับราชการเป็นข้าราชการครู ประถมศึกษา เป็นวิทยากรแก่หน่วยงานต่าง ๆ เป็นผู้ทรงคุณวุฒิในสภามหาวิทยาลัยราชภัฎภูเก็ต

จบการศึกษา ศิลปศาสตรบัณฑิต (รัฐศาสตร์) มหาวิทยาลัยรามคำแหง สังคมวิทยามหาบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยศิลปศาสตรมหาบัณฑิต (รัฐศาสตร์-การบริหารรัฐกิจ) มหาวิทยาลัยรามคำแหง ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต (รัฐศาสตร์-การเมืองการปกครอง) มหาวิทยาลัยรามคำแหง

10.นายจักรพันธ์ พรนิมิตร ส.ส.กทม. เขต 30 หัวหน้าภาคกทม.-กก.บห. พรรคพลังประชารัฐ อดีต ส.ก. รองโฆษกกรุงเทพมหานคร โฆษกกระทรวงศึกษาธิการ ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และยังเคยเป็นผู้บริหารสถานศึกษาเอกชน

จบการศึกษา รัฐศาสตรบัณฑิต (ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย Master of Arts UNIVERSITY OF WARWICK ประเทศอังกฤษ Doctor of Philosophy (Educational Administration) ILLINOIS STATE UNIVERSITY ประเทศสหรัฐอเมริกา

11.นายกษิดิ์เดช ชุติมันต์ ส.ส.กทม.เขต 8 พรรคพลังประชารัฐ อดีต ส.ก. 2 สมัย เคยทำงานในบริษัทเอกชน บริษัท โอทีกรุ๊ป จำกัด (รับปรึกษางานด้านวิศวกรรมโยธา) บริษัท โอทีทีเอ็นจิเนียริ่งซัพพลาย จำกัด (กรรมการผู้บริหาร) บริษัท เอชซีจีซุปเปอร์เซ็นทรัลแก๊ส (เจ้าหน้าที่วิเคราะห์การตลาด) บริษัท เกษตรยูคา จำกัด (ผู้จัดการฝ่ายขายแปรรูปไม้ส่งออก)

จบการศึกษา ครุศาสตรบัณฑิต (อังกฤษ) มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต (รัฐศาสตร์) มหาวิทยาลัยรามคำแหง

นอกจากนี้ยังมี “ทีมเจ้ายุทธ์” อย่างน้อย 3 คน มีทั้งคนที่มีดีกรีระดับด็อกเตอร์ – อดีตรัฐมนตรี

ส่องไลน์อัพ-เทคติกทีมปราบมาร-เจ้ายุทธ

“นิโรธ สุนทรเลขา” ประธานวิปรัฐบาล บอกว่า ไลน์อัพ-แผนการเล่นของ ทีมปราบมาร-ทีมเจ้ายุทธ จะผนึกกำลังร่วมกับ พรรคภูมิใจไทย-พรรคประชาธิปัตย์ โดยมี “ทัพหน้า” ที่เขาเปรียบเป็น “กองหน้า” คอยทำประตู โดยมี “ทีมปราบมาร” เป็นตัวหลัก

ทัพหลวง คือ กองกลางวิ่งขึ้น-ขึ้นลง คอยจ่ายให้กองหน้าทำประตู และมีทั้งกลางรุก-ทั้งกลางรับ

ผู้เล่นที่จะลงมาเป็นกองกลางตัวรุกจะมีประสบการณ์ระดับด็อกเตอร์-อดีตรัฐมนตรี เป็นมันสมองคอยขับเคลื่อนเกม ส่วนกลางรับจะมีผู้เล่นไว้คอยตัดเกม ไม่ให้เข้าในกรอบเขตโทษ

ส่วน “นิโรธ” จะเป็น “ตัวฟรี” วิ่งทั่วสนามตรงกลาง

ทัพหลัง คือ กองหลัง เล่นเซ็นเตอร์ 3 คน ประกอบด้วย นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์-นายชาดา ไทยเศรษฐ ส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย และนายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย

ส่วนทีมเจ้ายุทธ์ คือ กลาง-หลังและคอยมอนิเตอร์-พร้อมที่จะเปลี่ยนเกมจากรับเป็นรุก เพื่อตอบโต้การ “เล่นนอกเกม” ของพรรคฝ่ายค้าน โดยจะลงไปแถลงข่าวนอกสนาม-หลังเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจ

ส่วนปีกซ้าย-ปีกขวาเหมือนตัวริมเส้น คอยวิ่ง-ตัวจี๊ด โดยปีกซ้าย-พรรคประชาธิปัตย์มี “ตัวจี๊ด” อยู่ระหว่าง “คัดตัว” ซึ่งมี “ตัวเก่ง”อยู่หลายตัว ขณะที่ปีกขวา-พรรคภูมิใจไทย

เขาย้ำว่า ปีกขวา-ปีซ้าย ต้องเป็นตัวจี๊ด ขึ้นเร็ว-ลงเร็ว

เมื่อใกล้ถึงวันอภิปรายจะมีการใส่รายชื่อตัวจริง-ตัวสำรองที่จะมาประจำตำแหน่ง-เล่นตามแทกติกที่วางไว้