80 ปีไทยประกันชีวิต มุ่งขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืน

รากฐานที่มั่นคงเคียงคู่คนไทย

บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ” หรือ “ไทยประกันชีวิต”) คือบริษัทประกันชีวิตแห่งแรกของประเทศไทยที่ดำเนินธุรกิจมาอย่างยาวนานถึง 80 ปี โดยก่อตั้งมาตั้งแต่เดือนมกราคม 2485 ผ่านการบริหารงานโดยคณะผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์ ประสบการณ์และความรู้ที่ครอบคลุมตลาดประกันชีวิตของไทย ที่ขับเคลื่อนบริษัทฯ ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งในฐานะบริษัทชั้นนำในธุรกิจประกันชีวิตของไทย 

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาจากรายได้เบี้ยประกันภัยรับรวมจากข้อมูลของสมาคมประกันชีวิตไทยสำหรับปีสิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 และ 2564 รวมถึงรอบระยะเวลา 3 เดือนที่สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565 พบว่าไทยประกันชีวิตคือบริษัทประกันชีวิตของคนไทยซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย 

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีเครือข่ายช่องทางจัดจำหน่ายที่หลากหลาย โดยเฉพาะช่องทางตัวแทนประกันชีวิตมืออาชีพกว่า 64,000 ราย ครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565) รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลาย ผ่านพันธมิตร ซึ่งประกอบด้วยธนาคารพาณิชย์ ธนาคารและองค์กรของรัฐ พันธมิตรบริษัทลีสซิ่งและเช่าซื้อ รวมถึงบริษัทสินเชื่อผู้บริโภค รวมถึงช่องทางอื่นๆ อาทิ การขายผลิตภัณฑ์ทางโทรศัพท์ สวัสดิการพนักงานกลุ่ม และแพลตฟอร์มดิจิทัล

ขณะเดียวกัน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ไทยประกันชีวิตดำเนินธุรกิจโดยตระหนักถึงความสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนให้กับบริษัทฯ และสังคมไทยอย่างต่อเนื่อง  โดยให้ความสำคัญกับคุณค่าของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน (Stakeholders) ครอบคลุมทั้งทรัพยากรบุคคลในองค์กร ลูกค้า พันธมิตร ผู้ถือหุ้น รวมไปถึงคนในสังคม อันเป็นฟันเฟืองสำคัญในการสร้างความยั่งยืนให้เกิดขึ้นกับองค์กร โดยเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งแรกที่ร่วมกับสถาบันไทยพัฒน์ จัดทำแผนแม่บทความรับผิดชอบต่อสังคมเชิงกลยุทธ์มาตั้งแต่ปี 2551 เพื่อนำไปใช้ขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคมกว่า 10 ปี 

ไทยประกันชีวิตยังเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งแรกที่จัดทำแผนแม่บทด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs Master Plan) เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานขององค์กรให้สอดคล้องกับปัจจัยและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงเพื่อให้ส่วนงานต่างๆ ของบริษัทฯ มีกรอบในการดำเนินงานด้านการพัฒนาสู่ความยั่งยืนที่เชื่อมโยงสอดคล้องกันอย่างมีกลยุทธ์ โดยให้ความสำคัญต่อความรับผิดชอบต่อสังคมในกระบวนการธุรกิจ (CRR-In Process) ผนวกกับแนวคิดการสร้างคุณค่าร่วม (Creating Shared Value :CSV) อันนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนทั้งต่อองค์กรและสังคม 

ตั้งเป้าเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งความยั่งยืน

ไทยประกันชีวิตไม่เคยหยุดนิ่งในการขับเคลื่อนองค์กรสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน โดยมุ่งมั่นที่จะปรับกระบวนการดำเนินธุรกิจให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง (Resilience) พร้อมประกาศวิสัยทัศน์ “การเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งความยั่งยืน” และกำหนดเจตนารมณ์ทางธุรกิจ (Business Purpose) เพื่อให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ “มุ่งเป็นทุกคำตอบของการประกันชีวิต ประกันสุขภาพ และการวางแผนทางการเงินส่วนบุคคล” หรือ Life Solutions Provider รวมถึงกำหนดเจตนารมณ์ของแบรนด์ (Brand Purpose) การเป็นแบรนด์ที่ได้รับความชื่นชอบ ได้รับความไว้วางใจ และเป็นแบรนด์ที่สร้างแรงบันดาลใจแก่คนในสังคม 

โดยไทยประกันชีวิตเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งแรกที่จัดทำแผนแม่บทด้านการพัฒนาสู่ความยั่งยืนตั้งแต่ปี 2562 และได้ทบทวนรวมถึงจัดทำแผนแม่บทฉบับใหม่ สำหรับดำเนินการในระยะ 3 ปี (ปี 26652567) เพื่อให้สอดรับกับการดำเนินธุรกิจในยุควิถีใหม่ หรือ New Normal และสอดคล้องกับทิศทางในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ในอนาคต ประกอบด้วยยุทธศาสตร์ 3 P คือ 

  • Promise การยึดมั่นคำสัญญา ที่มีต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน (Stakeholders) โดยเฉพาะลูกค้า ด้วยการบริหารจัดการภายใต้การกำกับดูแลกิจการที่ดี (Corporate Governance) พร้อมทั้งบริหารจัดการบุคลากรให้มีความเป็นมืออาชีพ มีจรรยาบรรณ
  • Protect การคุ้มครองป้องกัน เป็นยุทธศาสตร์ที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric) ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่มีความรับผิดชอบ และสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้แบบเฉพาะบุคคล (Personalize) ให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นทั้งทางตรงและทางอ้อม การบริหารความยั่งยืนของลูกค้า รวมถึงการบริหารจัดการข้อมูลลูกค้าและระบบเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างรับผิดชอบ
  • Prosper การสร้างความรุ่งเรืองเฟื่องฟู มุ่งสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจไปพร้อมกับารมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์สังคมและสภาพแวดล้อม ทั้งการบริหารจัดการชุมชนและสังคมอย่างยั่งยืน และการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อม 

ขณะเดียวกันบริษัทฯ ได้กำหนดเป้าหมายด้านความยั่งยืนตามแนวทาง ESG ประกอบด้วย 

  • ด้านธรรมาภิบาล (Governance) ไทยประกันชีวิตดำเนินธุรกิจด้วยการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Corporate Governance) มีการติดตามผลการดำเนินงานอย่างเป็นระบบ และปลูกฝังให้บุคลากรมีจรรยาบรรณทางธุรกิจ (Code of Conduct) อาทิ การต้านทุจริต การปฏิบัติตามกฎหมายเรื่องสังคมและเศรษฐกิจ ฯลฯ ขณะเดียวกันยังตระหนักถึงการปฏิบัติต่อลูกค้าอย่างเป็นธรรม (Market Conduct) ไม่ว่าจะเป็นการบริหารจัดการข้อมูลลูกค้าอย่างรับผิดชอบ เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าการนำเสนอข้อมูลผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัทฯ เป็นไปอย่างครบถ้วน โปร่งใส รวมถึงมีการรักษาความปลอดภัยด้านข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าที่รัดกุม
  • ด้านสังคม (Social) ให้ความสำคัญกับการบริหารทรัพยากรมนุษย์ ไทยประกันชีวิตจึงดำเนินธุรกิจโดยยึดหลักมนุษยนิยม ถือว่าบุคลากรเป็นทรัพย์สิน (Asset) และเป็นทุน (Capital) ที่สำคัญที่สุด มุ่งมั่นเสริมสร้างบุคลากรให้เป็นทั้งคนเก่งและคนดี ที่พร้อมอยู่เคียงข้างลูกค้าและสังคม บริหารจัดการบุคลากรโดยเคารพต่อสิทธิมนุษยชน ความเสมอภาค ความปลอดภัย และได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม รวมถึงมุ่ง Upskill และ Reskill และปรับ Mindset บุคลากรให้มีความรู้ ความเข้าใจข้อมูล (Data Literacy) มีความเข้าใจในดิจิทัล (Digital Mindset) การทำงานแบบคล่องตัว (Agility Mindset) โดยเฉพาะการยกระดับตัวแทนฯ ให้เป็น Life Solutions Agent ที่พร้อมดูแลเคียงข้างลูกค้าในทุกช่วงชีวิต (Life Stage) ทุกจังหวะชีวิต (Life Event) และทุกการใช้ชีวิต (Lifestyle) 
  • ทั้งยังให้ความสำคัญกับการดูแลลูกค้า ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบสนองทุกความต้องการ และสร้างโอกาสให้คนไทยเข้าถึงการประกันชีวิตได้ง่ายขึ้น สะดวกรวดเร็วขึ้น ควบคู่กับบริหารจัดการชุมชนและสังคมให้เกิดความยั่งยืน ผ่านการยกระดับคุณภาพชีวิต และการเสริมสร้างความรู้ด้านการประกันภัย อาทิ ริเริ่มโครงการไทยประกันชีวิตเสริมโอกาส สุขยั่งยืน ซึ่งเป็นโครงการที่มุ่งส่งเสริมศักยภาพรอบด้านให้กับวิสาหกิจชุมชนทั่วประเทศ 
  • ด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) เน้นการบริหารความเสี่ยงและผลกระทบด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อให้การดำเนินธุรกิจเกิดความต่อเนื่อง ไม่ส่งผลกระทบต่อ Stakeholders ไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้งคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง การจัดทำแผนการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง และแผนการบริหารจัดการในภาวะภัยพิบัติ รวมถึงการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อม ผ่านการริเริ่มโครงการต่างๆ ที่ลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ อาทิ การนำระบบดิจิทัลมาทดแทนเพื่อลดการใช้ทรัพยากร การลดการใช้พลังงาน หรือการลดปัญหาขยะ 

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังดำเนินนโยบายการลงทุนอย่างยั่งยืน ในลักษณะ ESG Investing ซึ่งเป็นการลงทุนในตราสารทุนที่พิจารณาจากปัจจัย 3R ได้แก่ ความเสี่ยง (Risk) ผลตอบแทน (Return) และผลกระทบที่บริษัทนั้นๆ มีต่อสังคมหรือสิ่งแวดล้อม (Real Impact) โดยบริษัทฯ จัดสรรเงินสำหรับลงทุนในบริษัทจดทะเบียนที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านธรรมาภิบาล สังคม และสิ่งแวดล้อม  

โดยการดำเนินงานของบริษัทฯ ทั้งในส่วนของการริเริ่มและการปรับปรุงการดำเนินงานต่างๆ จะบูรณาการปัจจัยด้านธรรมาภิบาล สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างครอบคลุม ซึ่งมีส่วนสำคัญในการสร้างคุณค่าให้กับทั้งบริษัทฯ และ Stakeholders ด้วย 6 คุณค่าซึ่งจะผลักดันให้บริษัทฯ เติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน ประกอบด้วย

  1. สร้างคุณค่าให้ลูกค้า เป็นบริษัทประกันชีวิตที่ลูกค้าชื่นชอบ
  2. สร้างคุณค่าคนในองค์กร เป็นองค์กรที่ห่วงใยบุคลากร
  3. สร้างคุณค่าให้คู่ค้า เป็นบริษัทประกันชีวิตที่คู่ค้าเลือก
  4. สร้างคุณค่าให้ผู้ถือหุ้น เป็นองค์กรที่ให้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่ยั่งยืน
  5. สร้างคุณค่าให้สังคม เป็นองค์กรที่รับผิดชอบและยกระดับคุณภาพชีวิต 
  6. สร้างคุณค่าให้หน่วยงานกำกับดูแล เป็นองค์กรที่ดำเนินธุรกิจอย่างรัดกุม เพื่อนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนร่วมกัน

ชวนคนไทยเคียงข้างสร้างการเติบโตไปด้วยกัน

เพื่อเป็นการก้าวสู่เป้าหมายในการเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งความยั่งยืนครอบคลุมทุกมิติ ไทยประกันชีวิต เตรียมเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) เพื่อเปิดโอกาสให้คนไทยร่วมเคียงข้างสร้างการเติบโตของบริษัทประกันชีวิตชั้นนำที่มีคุณภาพอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน โดยมีแผนเสนอขายหุ้นจำนวนไม่เกิน 2,207,309,200 หุ้น ซึ่งประกอบด้วย 

 (1) หุ้นสามัญที่เสนอขายโดยบริษัทฯ จำนวน 850,000,000 หุ้น คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 7.4 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้

 (2) หุ้นสามัญที่เสนอขายโดยบริษัท วี.ซี. สมบัติ จำกัด จำนวนไม่เกิน 1,218,815,600 หุ้น คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 10.6 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้

 (3) หุ้นสามัญที่เสนอขายโดย Her Sing (H.K.) Limited จำนวนไม่เกิน 138,493,600 หุ้น คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 1.2 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้

รวมทั้งหมดคิดเป็นไม่เกินร้อยละ 19.3 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้

ซึ่งเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทฯ มีวัตถุประสงค์ในการนำเงินไปใช้เพื่อลงทุนด้าน Digital Transformation และการทำการตลาด ผ่านนวัตกรรมและโซลูชันเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการให้บริการและดูแลลูกค้าได้อย่างครบวงจร รวมถึงเสริมสร้างความแข็งแกร่งของช่องทางจัดจำหน่ายผ่านทางพันธมิตรที่เป็นจุดเชื่อมต่อกับลูกค้าทั่วประเทศ และเสริมสร้างความแข็งแกร่งของเงินทุนเพื่อสนับสนุนการก้าวสู่การเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งความยั่งยืน

ทั้งหมดนี้จึงสรุปได้ว่าการเดินทางตลอด 80 ปีของบริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด(มหาชน) ที่ผ่านมานั้น เป็นการเดินบนเส้นทางที่ก้าวไปสู่ความยั่งยืนอย่างแท้จริง

###

หมายเหตุ: การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน ข้อมูลในเอกสารฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการเผยแพร่ในประเทศไทยเท่านั้น และไม่ถือเป็นการเสนอขายหลักทรัพย์ ห้ามมิให้มีการทำซ้ำ ส่งต่อ หรือเผยแพร่เอกสารฉบับนี้โดยไม่ได้รับอนุญาต