เมกะดีลเลอร์วัสดุ “แกรนด์โฮม” ส่งต่อประสบการณ์ 43 ปีบริการครบ จบที่เดียว

แกรนด์โฮม

อยู่ยั้งยืนยง สำหรับธุรกิจโมเดิร์นเทรดวัสดุก่อสร้างและของตกแต่ง แบรนด์เนมระดับแถวหน้าเมืองไทย “แกรนด์โฮม”

การเดินทางในยุคแรกก่อตั้งที่สั่งสมประสบการณ์ 43 ปีในช่วงที่ผ่านมา ได้เวลาส่งต่อให้กับผู้บริหารคนรุ่นใหม่อย่างเต็มตัว เพื่อต่อยอดชื่อเสียงด้านบริการที่ได้รับการยอมรับจากลูกค้าทุกกลุ่มว่า ที่นี่ บริการ “ครบ จบในที่เดียว” จริง ๆ

อัพเดตทีมผู้บริหารคนรุ่นใหม่ ได้แก่ คู่แฝด “พีระพัฒน์-พีระพล ทยานุวัฒน์”, กลุ่มลูกค้าโครงการดูแลโดย “นภานันทน์ แม้นชูวงศ์” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานขายโครงการ และ “ภูมิระวี ใจดี” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานครัว ซึ่งเป็นเซ็กเมนต์สร้างชื่อเสียงให้กับแกรนด์โฮม

ขยายฐานเจาะลูกค้าลักเซอรี่

โดย “พีระพัฒน์ ทยานุวัฒน์” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานบริหารและค้าปลีก บริษัท แกรนด์โฮมมาร์ท จำกัด เปิดเผยว่า แกรนด์โฮม มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจภายใต้วิสัยทัศน์ในการมอบสินค้าและบริการคุณภาพที่ดีให้กับผู้ใช้บริการ ผ่านการทำตลาดผลิตภัณฑ์กระเบื้อง สุขภัณฑ์ วัสดุตกแต่งบ้าน แบรนด์ดังจากในประเทศและต่างประเทศ

ควบคู่การบริการตรงใจลูกค้า เพื่อช่วยให้ลูกค้ามีประสบการณ์ที่ดีที่สุดทั้งการก่อสร้างและการใช้ชีวิต

ปัจจุบันแกรนด์โฮมแบ่งธุรกิจเป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย 1.ธุรกิจลูกค้ารายใหญ่หรือลูกค้าโครงการ (project) มีทั้งเจ้าของโครงการ ผู้รับเหมาก่อสร้าง สถาปนิก ดีไซเนอร์ ซึ่งมีเป็นกลุ่มที่ทำรายได้หลัก สัดส่วน 79%

2.ธุรกิจขายปลีก (retail) ซึ่งปรับตัวไปตามพฤติกรรมการช็อปซื้อสินค้าวัสดุและของตกแต่ง โดยเจ้าของบ้านหรือลูกค้า end user มีการสำรวจเทรนด์ใหม่ ๆ ของสุขภัณฑ์และวัสดุที่โชว์รูม มีการเลือกช็อปลายและสีไว้แล้ว จากนั้นจะปรึกษากับดีไซเนอร์หรือผู้รับเหมา เพื่อจูนความต้องการสร้างบ้าน ตลอดจนต่อเติมหรือตกแต่งให้เข้าใจตรงกัน ช่องทางนี้มีสัดส่วนรายได้ 20%

และ 3.ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ (e-Commerce) เป็นไปตามเทรนด์เทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ เติมเต็มความต้องการช็อปสินค้าวัสดุและของตกแต่งได้ตลอด 24 ชั่วโมง มีสัดส่วนรายได้ 1%

“กลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจหลังจากนี้ แกรนด์โฮมยังคงรักษามาตรฐาน และให้ความสำคัญกับฐานลูกค้ากลุ่มเดิมที่มีอยู่ ผ่านการจัดกิจกรรมการตลาดเพื่อสร้างสายสัมพันธ์ที่ดี โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าธุรกิจรายใหญ่หรือลูกค้าโครงการ ซึ่งมีฐานลูกค้า 2 กลุ่มหลัก คือ ลูกค้าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ เช่น ธุรกิจค้าปลีก กับลูกค้าโรงแรมและการบริการหรือ hospitality”

ทั้งนี้ กลยุทธ์ที่เดินคู่ขนานยังรวมถึงการขยายกลุ่มลูกค้าใหม่ เฉพาะเจาะจงไปยังเซ็กเมนต์ลูกค้าลักเซอรี่เพิ่มมากขึ้น

เติบโตยั่งยืน-ยึดมั่นแนวทาง ESG

เรื่องใหม่ของปีนี้ โฟกัสในส่วนของกลุ่มลูกค้าธุรกิจขายปลีก แกรนด์โฮมวางแผนลงทุนเพิ่มเติมเพื่อปรับโฉมโชว์รูมเดิมจำนวน 4 แห่ง เพื่อรองรับลูกค้าที่จะเข้ามาใช้บริการภายใต้การบริการที่มีคุณภาพและมีจุดเด่น ครบ จบในที่เดียว

ในด้านผลิตภัณฑ์ พบว่า สัดส่วนรายได้ของแกรนด์โฮม มาจากผลิตภัณฑ์ในกลุ่มหลัก คือ Tile & Bath มีสัดส่วนการขาย 80% ที่เหลืออีก 20% เป็นรายได้จากสินค้าในกลุ่มอื่น ๆ ได้แก่ สินค้า Kitchen, Home Appliance และสินค้า DIY

กลยุทธ์ในการสร้างสรรค์ประสบการณ์ล้ำค่าให้กับลูกค้า ทางแกรนด์โฮมมีการนำเทคโนโลยีระบบดิจิทัลมาใช้ทั้งภายในและภายนอกองค์กร นำเสนอประสบการณ์ดิจิทัลในการบริหารจัดการลูกค้าทั้งโมเดล B2B (ช่องทางผู้ประกอบการ) และ B2C (ช่องทางลูกค้ารายย่อยหรือเจ้าของบ้าน)

รวมถึงนำระบบดิจิทัลมาบริหารข้อมูลลูกค้า สร้างดีลส่วนลดและสิทธิพิเศษมากมาย ผ่าน Grand Home Application พร้อมกับมีการปรับโฉมเว็บไซต์ https://www.grandhomemart.com สร้าง Virtual Showroom ที่ออกแบบมาเพื่อให้ความสะดวกสบาย ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของลูกค้าทั้งสองกลุ่มอย่างครบถ้วน เรื่องสำคัญที่สุดคือต้องใช้งานได้ง่ายและสะดวกด้วย

สำหรับปี 2566 นี้ คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยตั้งเป้ายอดขาย 4,050 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโต 8% เทียบกับยอดขายปี 2565 และตั้งเป้ารายได้ 2567 ไม่ต่ำกว่า 4,252 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโต 10% บวกลบ

“พีระพัฒน์” กล่าวถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจและการบุกตลาดของแกรนด์โฮมในปี 2567 ด้วยว่า ยังคงเน้นการคัดสรรผลิตภัณฑ์คุณภาพ ที่มีนวัตกรรมโดดเด่นตอบโจทย์ทุกการใช้งาน ที่สำคัญ ใน พ.ศ.นี้ มีจุดเน้นจะต้องเป็นผลิตภัณฑ์ ESG (environment, social และ governance) สอดคล้องกับเทรนด์ผลิตภัณฑ์ยุคใหม่ และสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลก

“นอกจากจุดเน้นเรื่องความยั่งยืนแล้ว นโยบายแกรนด์โฮมต้องการมอบบริการที่เป็นเลิศให้กับลูกค้า ควบคู่การเติบโตร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรที่เข้มแข็ง ตอกย้ำความเป็นผู้นำเรื่องกระเบื้องและวัสดุตกแต่งบ้านที่อยู่มายาวนาน 43 ปี”

“ควิก โซลูชั่น-แกรนด์ รีโนเวชั่น”

ผู้บริหารคู่แฝด “พีระพล ทยานุวัฒน์” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานขายโครงการและผลิตภัณฑ์ต่างประเทศ แกรนด์โฮมมาร์ท กล่าวว่า ความสำเร็จในช่วง 43 ปีที่ผ่านมา การนำผลิตภัณฑ์ไปทำตลาดกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าโครงการและลูกค้าเจ้าของบ้าน

สำหรับแนวทางการพัฒนาสินค้าและบริการของแกรนด์โฮมในอนาคต บริษัทให้ความสำคัญกับการคัดสรรผลิตภัณฑ์จากทุกมุมโลก เน้นเป็นสินค้าอินเทรนด์ (intrend) สินค้านวัตกรรม (innovation) และประสิทธิภาพการบริการ (services) สามารถแบ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ไฮไลต์ 3 กลุ่ม ดังนี้

1.กลุ่ม Tiles’ Story แหล่งรวมกระเบื้องชั้นนำจากทุกมุมโลก แกรนด์โฮมเป็นเอ็กซ์คลูซีฟให้กับแบรนด์ผู้ผลิตรายใหญ่มากมาย อาทิ Marazzi แบรนด์อิตาลีที่มีชื่อเสียงได้รับการยอมรับระดับโลก

นอกจากนี้ แกรนด์โฮมมีการเดินทางอยู่ตลอดเวลา เพื่อคัดสรรสินค้ากระเบื้องจากทุกมุมโลก โดยเฉพาะในงาน Cersaie และ Canton แหล่งชี้นำเทรนด์และนวัตกรรมระดับโลก โดยล่าสุด เทรนด์กระเบื้องปีนี้จะเน้นการเลียนแบบลายหินหายากและเสมือนจริง ในกลุ่ม Sintered Stone Full Body เพื่อนำมาตอบโจทย์งานสถาปัตยกรรม ตกแต่งภายใน และเฟอร์นิเจอร์

2.กลุ่ม Baths’ Story แหล่งรวมสุขภัณฑ์ชั้นนำจากแบรนด์ดังที่ตอบโจทย์ความหลากหลายของลูกค้า ทั้งในเรื่องดีไซน์และราคา โดยแกรนด์โฮมมี House Brand ภายใต้ชื่อ “Victor” ช่วยเติมเต็มตลาดอีกด้วย

ซึ่งเทรนด์สุขภัณฑ์ทุกวันนี้เน้น Smart Bathroom นำเทคโนโลยีมาตอบสนองไลฟ์สไตล์ผู้ใช้ สามารถปรับแต่งตามความต้องการของลูกค้าได้ (customization) มาพร้อมกับการติดตั้งและการบริการหลังการขาย

3.กลุ่ม Kitchens’ Story ภายใต้ 2 แบรนด์หลัก ได้แก่ Le Krua-ครัวปูน และ The Common โดยจุดเด่นของ The Common เป็นแบบ modular ลูกค้าสามารถปรับแต่งสร้างสรรค์สไตล์ได้ด้วยตัวเอง จึงเป็นครัวที่สร้างมาจาก pain point ของลูกค้าอย่างแท้จริง โดยเสริมสร้างความมั่นใจสูงสุดให้กับลูกค้า จากการที่บริษัทควบคุมการผลิตทั้งหมดในรูปแบบ one stop service ผ่านทีม Grand Renovation ของแกรนด์โฮม

บริการที่เป็นเลิศยังรวมถึงบิสซิเนสโมเดล Quick Solution และ Grand Renovation ทั้งงานก่อสร้าง ต่อเติม ตลอดจนงานซ่อมแซม เพื่อตอกย้ำแกรนด์โฮมให้บริการครบ จบในที่เดียวอย่างแท้จริง