นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) ที่มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในวันพรุ่งนี้ (17 ต.ค.) จะรายงานความคืบหน้าการรับโอนหนี้สินและทรัพย์สินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต วงเงิน 111,175.20 ล้านบาท ให้รับทราบ
หลังจากที่ผ่านการพิจารณาจากสภากรุงเทพมหานคร (กทม.) วาระ 2 และ 3 เพื่อร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่องการกู้เงินเพื่อใช้ในการรับโอนทรัพย์สิน หนี้สิน และภาระอื่นโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ พ.ศ. …. เรียบร้อยแล้ว
เมื่อ คจร.พิจารณาแล้ว ในเดือน พ.ย. กทม.จะเสนอร่างบัญญัติกู้เงินดังกล่าวให้กระทรวงต้นสังกัดคือ กระทรวงมหาดไทย เสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบ เมื่อ ครม.เห็นชอบก็จะให้ทั้ง 2 หน่วยงานทำบันทึกข้อตกลง (MOU) ในการรับและโอนหนี้สินทรัพย์สินต่อไป ก่อนที่จะเสนอ ครม.เห็นชอบตัวร่าง MOU นี้ โดยกระบวนการทั้งหมดจะต้องทำให้เสร็จก่อนการเปิดเดินรถในเดือน ธ.ค.นี้
สำหรับความคืบหน้าของโครงการช่วงสำโรง -สมุทรปราการ งานโยธาเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงงานไฟฟ้าและเครื่องกล ทาง กทม.ก็ยืนยันว่าจะสามารถเปิดเดินรถได้ในเดือน ธ.ค.นี้ และช่วงหมอชิต – คูคต มีความคืบหน้าด้านงานโยธาอยู่ที่ 80%
ด้านนายสมพงษ์ เวียงแก้ว รองปลัดกทม. กล่าวว่า กทม.เสนอร่างข้อบัญญัติฯให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาแล้ว เพื่อให้ร่างดังกล่าวประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ทั้งนี้กระทรวงมหาดไทยจะเสนอให้กระทรวงการคลังในฐานะผู้จัดหาแหล่งเงินรับทราบด้วย เพื่อให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ดำเนินการปรับปรุงแผนบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 2562 ใหม่ เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงเจ้าของโครงการใหม่
ส่วนการทำ MOU กับ รฟม. จะมีการหารือในรายละเอียดร่วมกันในวันพรุ่งนี้ โดยจะให้ สบน.มาร่วมตรวจสอบตั้งแต่เริ่มด้วย เบื้องต้นกระทรงงคมนาคมให้เวลาในการร่างฯ 2 สัปดาห์ จากนั้นต้องส่งร่างให้กระทรวงตรวจ คาดว่าร่าง MOU จะแล้วเสร็จประมาณกลางเดือน พ.ย. ก่อนจะเสนอที่ประชุม ครม.ให้ความเห็นชอบในเดือนธ.ค.นี้ต่อไป