“ลลิลฯ” งัดโมเดลมิกซ์โปรดักส์ ปี 62 เปิดตัวบ้านเดี่ยวคละทาวน์โฮม 4.5 พันล้าน

“ลลิล พร็อพเพอร์ตี้” เดินหน้าเก็บเกี่ยวความสำเร็จ เผยผลประกอบการโต 15% ต่อเนื่องติดต่อกัน 3 ปี ล่าสุดกางแผนลงทุนปี 2562 เป้าเปิดตัวใหม่ 4,500 ล้าน เป้าขาย 5,300 ล้านบาท ส่วนเป้าโอนขยับเพิ่มเป็น 4,650 ล้าน ประกาศเป็นเจ้าตลาดบ้านแนวราบ ผุดโมเดลใหม่ “มิกซ์โปรดักส์” พัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว+ทาวน์เฮาส์ในโครงการเดียวกัน

 

นายไชยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทประเมินแนวโน้มภาพรวมเศรษฐกิจยังขยายตัวจากปี 2561 ได้ 4-4.3% โดยมีปัจจัยบวกมาจากการเลือกตั้งทั่วไป

แผนลงทุนปีนี้ บริษัทวางแผนเปิดตัวใหม่ 8-10 โครงการ มูลค่ารวม 4,000-4,500 ล้านบาท เป้ายอดขาย 5,300 ล้านบาท เป้ายอดรับรู้รายได้ 4,650 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโต 15% โดยพื้นที่ กทม.-ปริมณฑลเปิดตัวสัดส่วน 80% ต่างจังหวัด 20%

“EEC เป็นความหวังกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ต้องรอให้มีการลงทุนเป็นรูปธรรมเกิดขึ้นก่อน แล้วภาคธุรกิจที่อยู่อาศัยจะตามเข้าไปรองรับความต้องการของตลาดในพื้นที่ ซึ่งจำเป็นต้องมีดีมานด์ก่อนแล้วซัพพลายจึงเกิดขึ้นได้”

ทั้งนี้ ผลประกอบการปี 2561 บริษัทเปิดตัวใหม่ 7 โครงการ ยอดขาย 6,000 ดว่าล้าน ยอดรับรู้รายได้ 4,080 ล้านบาท สูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ โดยตั้งเป้ายอดขาย 4,500 ล้านบาท กับเป้ารับรู้รายได้ 4,000 ล้านบาท

สำหรับกลยุทธ์ของผู้ประกอบการ นายไชยันต์กล่าวว่า แนวทางควรทำดังนี้ 1.ลดสต๊อกให้มากที่สุด 2.ผู้ประกอบการนอกตลาดหลักทรัพย์จำเป็นต้องสำรวจวิจัยตลาดให้มั่นใจว่าสามารถแข่งขันได้ 3.ต้องควบคุมดี/อีเรโชหรือควบคุมหนี้อย่าให้สูงเกินไป

“แบงก์พาณิชย์เข้มงวดทั้งสินเชื่อโครงการหรือพรีไฟแนนซ์กับสินเชื่อรายย่อยหรือโพสต์ไฟแนนซ์ ในขณะที่หนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง 76%”

4.สำหรับผู้ประกอบการรายเล็ก อยากให้ทำ “รีโพสิชันนิ่ง” ตัวเอง เพราะเสียเปรียบความสามารถในการแข่งขันเมื่อเทียบกับรายใหญ่ และ 5.ควรปรับปรุงประสิทธิภาพในการแข่งขัน

“ลลิลฯ เชื่อมั่นเรื่องความแข็งแกร่ง ไม่เชื่อเรื่องสเกล ผู้ประกอบการายเล็กตรงไหนแข็งแกร่งก็เสริมเติม แต่ตรงไหนที่ยังเป็นจุดอ่อนก็ต้องเสริมแกร่งเข้าไป มองว่าอีกสอง-สามปีโลกธุรกิจมีแต่เรื่องยากๆ คาดว่าเศรษฐกิจชะลอตัวไปอีก 2-3 ปี”

โดยมีตัวอย่างจากอเมริกาขึ้นดอกเบี้ย 2-3 ครั้งสะท้อนภาวะเศรษฐกิจตึงตัว ในขณะที่มีเทรดวอร์ (สงครามการค้าสหรัฐ-จีน) ซ้ำเติมอีก ซึ่งไม่มีใครชนะแต่แพ้กันทั้งโลก วันข้างหน้าจะเป็นโลกของการแข่งขันช่วงชิงความเป็นเลิศทางด้านเทคโนโลยี โดยมีการพยากรณ์อีก 10 ปีหน้าขนาดเศรษฐกิจอันดับ 1 ของโลกคือประเทศจีน, อันดับ 2 อเมริกา และอันดับ 3 อินเดีย

นายชูรัชฎ์ ชาครกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ กล่าวเพิ่มเติมว่า มาตรการ LTV-loan to value หรือมาตรการแบงก์ชาติสกัดฟองสบู่ ด้วยการบังคับเพิ่มเงินดาวน์ในการขอสินเชื่อซื้อบ้าน-คอนโดมิเนียม จาก 5-10% เป็น 20% ขึ้นไปในการซื้อบ้านหลังทรี่สองนั้น บริษัทมองว่ามีผลกระทบน้อยมากเนื่องจากเน้นเจาะตลาดลูกค้าเรียลดีมานด์ เป็นกลุ่มลูกค้าเฟิร์สจ็อบเบอร์ วัยหนุ่ม-สาว และส่วนใหญ่ซื้อที่อยู่อาศัยเป็นบ้านหลังแรก 80-90% มีซื้อเป็นหลังที่ 2 เพียง 10%

สำหรับกลยุทธ์การแข่งขัน เน้นทาวน์เฮาส์แบรนด์ไลโอราคา 2-3 ล้านบาท กับบ้านเดี่ยวแบรนด์แลนซีโอ ราคา 3-5 ล้านบาท ซึ่งเป็นตลาดแมสที่มีดีมานด์สูงที่สุดในตลาด

+++