โปรเจ็กต์ด่วน 3 รมต.คมนาคม ลุยแกร็บ-บีบลดค่าโดยสาร-สปีดสุวรรณภูมิเฟส 2

เข้าประจำการกระทรวงคมนาคมเป็นที่เรียบร้อยตั้งแต่วันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา สำหรับ 3 รัฐมนตรีเลือดสิงห์แดง จาก 3 พรรคการเมือง ที่มาพร้อมสโลแกน “คมนาคมยูไนเต็ด” ขับเคลื่อนการลงทุนเมกะโปรเจ็กต์ 2.8 ล้านล้านบาท

นำทีมโดย “บิ๊กโอ๋-ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” หนุ่มโสดจากเซราะกราววัย 57 ปี พรรคภูมิใจไทย เป็นรัฐมนตรีสมัยแรกก็พาสชั้นขึ้นว่าการกระทรวงเกรดเอ ดีกรีรัฐศาสตรบัณฑิต ม.ธรรมศาสตร์ และปริญญาโท มหาบัณฑิตทางรัฐศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)

ส่วน 2 เก้าอี้รัฐมนตรีช่วย มี “ถาวร เสนเนียม” นักการเมือง-อัยการรุ่นเก๋าวัย 72 ปี จากถิ่นสะตอ ส.ส.จังหวัดสงขลา พรรคประชาธิปัตย์ นิติศาสตรบัณฑิต รั้ว ม.ธรรมศาสตร์ เนติบัณฑิตไทย และปริญญาโทรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต จากนิด้า และ “แบงก์-อธิรัฐ รัตนเศรษฐ” นักการเมืองรุ่นใหม่จากโคราช พรรคพลังประชารัฐ แม้จะเป็นรัฐมนตรีอายุน้อยสุดใน ครม.ตู่ 2/1 แต่ดีกรีไม่แพ้นักการเมือง

รุ่นพ่อ จบรัฐศาสตรบัณฑิต ม.ธรรมศาสตร์ และปริญญาโทจากลอนดอน และปริญญาเอกบริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิต ม.กรุงเทพธนบุรี ก่อนจะเข้าสู่การเมือง ยังเคยเป็นอดีตปลัดอำเภอนครราชสีมาและจันทบุรี

ชูคมนาคมยูไนเต็ด

“เรา 3 คน จาก 3 พรรค การทำงานจะไม่มีปัญหาขัดแย้งกัน เพราะต่างก็เป็นรุ่นพี่รุ่นน้อง ม.ธรรมศาสตร์ด้วยกัน รมช.อธิรัฐอายุห่างจากผม 21 ปี ส่วน รมช.ถาวรก็เป็นรุ่นพี่ผม 16 ปี ทำงานร่วมกันที่มหาดไทยมาก่อน และได้ย้ำกับปลัดกระทรวงและหัวหน้าหน่วยงาน เราต้องทำงานเป็นทีม อาจจะเรียกว่าเป็นคมนาคม FC หรือคมนาคมยูไนเต็ด” คำมั่นจากบิ๊กโอ๋หลังเริ่มงานวันแรก

จากนั้น “รัฐมนตรี 3 ใบเถา” เข้าห้องประชุมรับฟังบรีฟแผนงานจากหัวหน้าหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจทั้ง 23 แห่ง ครบทุกโหมด “บก-ราง-น้ำ-อากาศ” ซึ่งใช้เวลา 2 วันเต็ม ๆ

“ศักดิ์สยาม” ย้ำว่า การเดินหน้าโครงการขนาดใหญ่ในแผนลงทุน ต้องเป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติ และสอดรับกับงบประมาณในปี 2563 ก็ได้ทำการบ้านมาพอสมควร จะมอบนโยบายอย่างเป็นทางการวันที่ 30 ก.ค.หลังแถลงนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภาวันที่ 25-27 ก.ค.นี้

เร่งผลงานเห็นผล 1 เดือน

อย่างไรก็ตามก็เริ่มเห็นเค้านโยบายที่จะผลักดันทันทีภายใน 1 เดือน ประเดิมด้วยการแก้ปัญหาการจราจรบนถนนพระราม 2 ที่ลงพื้นที่เกาะติดตั้งแต่อาทิตย์แรก นอกจากนี้มีนโยบายแกร็บถูกกฎหมาย รับกับเทรนด์โลกที่เปลี่ยนไปซึ่งได้ร่างกฎกระทรวงรองรับไว้แล้ว

การลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนในการใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะ เช่น รถเมล์ รถไฟ รถไฟฟ้า เป็นอีกงานด่วนที่บิ๊กคมนาคมลั่นวาจาจะให้เห็นผลภายในปีนี้

“เรามีนโยบายจะลดภาระค่าใช้จ่ายประชาชน เช่น ปัญหาค่ารถไฟฟ้าแพง ส่วนจะเก็บ 20-30 บาทตลอดสาย หรือ 15 บาทตลอดสายอย่างที่พรรคร่วมมีนโยบาย จะต้องตรวจสอบเป็นรายเส้นทาง ดูความเป็นไปได้ ถ้าจะเก็บค่าโดยสารให้ถูกลง รัฐอาจจะต้องเข้าไปชดเชยให้เอกชนที่ลงทุน เหมือนกรณีที่รัฐอุดหนุนค่าใช้จ่ายรถเมล์และรถไฟฟรี ยืนยันการลดค่าโดยสารจะมีราคาไม่ต่างจากนี้ และจะดำเนินการทันภายในปีนี้แน่นอน”

ด้านงบประมาณประจำปี 2563 เป็นอีกงานเร่งด่วนที่ 3 รัฐมนตรีต้องมาเขย่าใหม่ให้รับกับนโยบายที่พรรคหาเสียงไว้ จากกรอบเดิมที่คมนาคมเคยทำไว้ 420,000 ล้านบาท พร้อมกับหารือสำนักงบประมาณนำงบเหลื่อมปีมาดำเนินการช่วงสุญญากาศ 4 เดือนที่งบใหม่ยังประกาศใช้ไม่ทัน

หารือ ครม.ดับไฟเวนคืนบางใหญ่

เผือกร้อนรอให้รัฐมนตรีใหม่ดับไฟให้คือค่าเวนคืนมอเตอร์เวย์บางใหญ่-กาญจนบุรี ที่ทำให้การเบิกจ่ายงบปี 2562 ล่าช้าไป ร่วม 1 หมื่นล้านบาท

โดย “ศักดิ์สยาม” กล่าวว่า ทางกรมทางหลวงขอให้ช่วยหารือกับ ครม.ในการขอขยายกรอบวงเงินเพิ่มเติมอีก 8,000 ล้านบาท เพื่อให้โครงการผ่านการพิจารณา ถ้าไม่มีปัญหาก็เดินหน้าได้ทันที เนื่องจากบางอย่างพร้อมหมดแล้ว ซึ่งค่าเวนคืนยิ่งปล่อยไว้นานจะยิ่งแพง

“ข้อกฎหมายก็เป็นสิ่งสำคัญที่นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่าทุกเรื่องที่จะเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ต้องมีความละเอียดรอบคอบมากขึ้น ต้องส่งให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย เป็นผู้ตรวจสอบความถูกต้องตามกฎหมายอีกชั้นหนึ่ง”

ปิดมหากาพย์โฮปเวลล์-ทางด่วน

ตรงนี้น่าจะเป็นการส่งสัญญาณถึงสัมปทานใหญ่ที่ค้างคาอยู่จากรัฐบาลที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการต่อสัญญาสัมปทานทางด่วนระหว่างการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กับ บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) ซึ่ง “ทั้ง 3 รัฐมนตรี” ระบุชัดตั้งแต่วันแรก จะไม่มีค่าโง่เกิดขึ้นในยุคนี้ เพราะไม่ใช่แค่ถูกถอดถอน ถ้าไม่ดีก็ติดคุก

“ให้ กทพ.ไปดูรายละเอียดว่าสิ่งที่ดำเนินการมาถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เช่น ทีโออาร์ สัญญา พ.ร.บ.ร่วมุทุนฯ เป็นต้น ต้องนำข้อมูลทุกอย่างมาดูย้อนหลังทั้งหมด เพื่อหาแนวทางที่ดีที่สุด จะพิจารณาคู่ขนานไปกับการที่คณะกรรมาธิการวิสามัญของสภาตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณา จะใช้เวลา 45 วัน ซึ่งเราอาจจะพิจารณาเสร็จก่อน คาดว่าไม่เกิน 2 สัปดาห์นี้ ยืนยันว่าทุกอย่างต้องทำตามกฎหมาย ผมก็ทำการบ้านมาแล้ว แต่บางอย่างก็พูดไม่ได้ ไม่ถึงกับชำแหละ แต่ทำให้ถูกต้อง อธิบายกับทุกคนได้” นายศักดิ์สยามกล่าวและว่า

ส่วนคดีโฮปเวลล์ที่ศาลมีคำสั่งให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) จ่ายค่าชดเชยให้เอกชนคู่สัญญาในเดือน ต.ค.นี้ จำนวน 12,000 ล้านบาท หากศาลสั่งให้จ่ายก็ต้องจ่าย เพราะทำอะไรไม่ได้แล้ว รอ ร.ฟ.ท.รายงานข้อมูลโครงการ เช่นเดียวกับรถไฟไทย-จีนที่ต้องเจรจาซื้อระบบและขบวนรถจากจีน วงเงิน 5 หมื่นล้านบาท ก็รอข้อมูลเพิ่มเติมจาก ร.ฟ.ท.

รวมถึงการเซ็นสัญญาก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ระยะทาง 220 กม. เงินลงทุน 224,544 ล้านบาท ได้กำชับให้ ร.ฟ.ท.ตรวจสอบความเรียบร้อยให้ดี โดยเฉพาะการส่งมอบพื้นที่ที่น่าเป็นห่วง ในส่วนของสัญญาว่ากำหนดอะไรยังไง

“จะเซ็นทัน ก.ค.นี้หรือไม่ อยู่ที่ ร.ฟ.ท.ตรวจสอบครบถ้วนสมบูรณ์หรือยัง เพราะการแก้ปัญหาผู้บุกรุกเป็นเรื่องยากพอสมควร”

สั่ง ทอท.ลุยสร้างสนามบิน

ขณะที่การเดินหน้าลงทุนโครงการขนาดใหญ่ ที่เป็นไฮไลต์จะเร่งรัด บมจ.ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) สร้างสนามบินภูมิภาค 2 แห่ง วงเงินรวม 1.26 แสนล้านบาท คือสนามบินภูเก็ตแห่งที่ 2 บริเวณ ต.โคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา และสนามบินเชียงใหม่แห่งที่ 2 บริเวณรอยต่อเชื่อมระหว่าง จ.เชียงใหม่กับลำพูนที่ อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ และ อ.บ้านธิ จ.ลำพูน พร้อมกับสั่งเดินหน้าก่อสร้างอาคารผู้โดยสารแห่งที่ 2 (terminal 2) สนามบินสุวรรณภูมิ เงินลงทุน 4.2 หมื่นล้านบาท

“ศักดิ์สยาม” ยอมรับว่า การสร้างอาคารเทอร์มินอล 2 สุวรรณภูมิ เป็นเรื่องที่ต้องทำ เพราะจำนวนผู้โดยสารที่ใช้งานในขณะนี้เกินศักยภาพของสนามบินแล้ว ปัจจุบันหากขยายสุวรรณภูมิระยะที่ 1 และ 2 ได้จะรับผู้โดยสารได้ 150 ล้านคน/ปีนั้น ก็มีคาดการณ์แล้วว่า ในปี 2564 ตัวเลขผู้โดยสารจะไปอยู่ที่ 141 ล้านคน/ปี และจะเกิน 150 ล้านคนในปี 2567 ซึ่งตัวเลขคาดการณ์อยู่ที่ 170 ล้านคน/ปี ถ้าไม่รีบทำจะทำให้อัตราการรองรับผู้โดยสารของสนามบินแย่ลง และรองรับผู้โดยสารไม่ได้

การเดินหน้าซื้อรถเมล์ใหม่ยังคงอยู่ในแผนที่จะเร่งรัด รวมถึงเร่งเซ็นสัญญาก่อสร้างทางด่วนพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนตะวันตก จำนวน 4 สัญญา รวมมูลค่า 29,154.230 ล้านบาท และมอเตอร์เวย์สายบางขุนเทียน-บ้านแพ้ว ช่วงแรกจากบางขุนเทียนถึงเอกชัย 1 ระยะทาง 10.8 กม. มูลค่าโครงการ 10,500 ล้านบาท ให้เดินหน้าก่อสร้างโดยเร็ว

นับถอยหลังจากนี้ 1 เดือนคงได้เห็นผลงาน เพราะมีการกำหนด KPI บรรดาบิ๊กคมนาคมเป็นรายเดือน ถ้างานไม่เดิน ไม่เข้าเป้า โอกาสที่ขาเก้าอี้จะถูกเขย่าก็มีสูง !