CoolSculpting
หนึ่งในวิธีกำจัดไขมันส่วนเกินที่คนไข้ให้ความสนใจมาก ๆ คือการทำ Coolsculpting หรือการสลายไขมันด้วยความเย็นระดับจุดเยือกแข็งครับ ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่ต้องเจ็บตัว ไม่ใช่การดูดไขมัน ไม่ต้องออกกำลังกาย เห็นผลเร็ว และสามารถเลือกกำจัดไขมันเฉพาะส่วนได้
สำหรับใครที่อยากกำจัดไขมันส่วนเกินด้วยวิธีนี้ หรือกำลังหาข้อมูล หมอมีข้อมูลเกี่ยวกับการทำ coolsculpting มาแนะนำ ช่วยเรื่องอะไรบ้าง เห็นผลเร็วแค่ไหน กำจัดไขมันส่วนเกินบริเวณไหนได้บ้าง ราคาแพงไหม คุ้มค่าหรือไม่ เหมาะกับใครบ้าง ทุกเรื่องที่อยากรู้ หมอรวบรวมมาเพื่อให้ศึกษาข้อมูลเหล่านี้ก่อนตัดสินใจได้ครับ
สารบัญ Coolsculpting
1.CoolSculpting คืออะไร ?
2.เทคโนโลยี CoolSculpting
3.กระบวนการทำงาน CoolSculpting
4.CoolSculpting ต่างจากวิธีสลายไขมันอื่น ๆ อย่างไร ?
5.CoolSculpting ทำบริเวณไหนได้บ้าง ?
6.ข้อดีของการทำ CoolSculpting
7.ผลลัพธ์หลังทำ CoolSculpting
8.รีวิวการทำ CoolSculpting
9.ผลข้างเคียงของการทำ CoolSculpting
10.การทำ CoolSculpting ใช้เวลานานไหม ?
11.เลือกทำ CoolSculpting ที่ไหนดี ?
12.CoolSculpting ราคาเท่าไหร่ ?
CoolSculpting คืออะไร ?
Coolsculpting คือหนึ่งในวิธีกำจัดไขมันส่วนเกิน ที่เห็นผลลัพธ์แบบวัดผลได้ครับ โดยสามารถกำจัดไขมันออกจากร่างกายด้วยความเย็น ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ถูกพัฒนาขึ้นโดยทีมแพทย์แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด มีประสิทธิภาพในการถสลายเซลล์ไขมันส่วนเกินได้อย่างถาวร
วิธีการคือเครื่อง Coolsculpting จะส่งความเย็นในระดับจุดเยือกแข็ง และทำการแช่แข็งเฉพาะเซลล์ในชั้นไขมันเท่านั้นครับ เนื่องจากเซลล์ไขมันจะไวต่ออุณหภูมิมากกว่าเซล์ชนิดอื่น ๆ ความเย็นจะทำให้เซลล์ไขมันตายลง และถูกขับออกจากร่างกายโดยไม่ต้องผ่าตัดครับ
ในขั้นตอนการทำงานของเครื่อง Coolsculpting จะใช้หัวดูดผิวเพื่อดึงชั้นไขมันเข้ามาไว้ในหัวของเครื่อง คล้าย ๆ เราหยิกไขมันที่พุงขึ้นมา ซึ่งในหัวดูดจะปล่อยความเย็น -11°C แช่แข็งก้อนไขมันที่ถูกดูดขึ้นมานาน 35 นาทีในแต่ละจุด โดยในละครั้งสามารถกำจัดเซลล์ไขมันให้หายไปได้ถึง 20-25% ต่อการทำ 1 ครั้ง (มีงานวิจัยทางการแพทย์รับรอง) หรือ กำจัดไขมันออกได้ 60-70 CC/1หนีบ
เทคโนโลยี CoolSculpting
CoolSculpting เป็นเทคโนโลยีสลายไขมันส่วนเกิน ที่จะไม่ทำอันตรายต่อผิวหนังชั้นนอก ไม่เคยเกิดกรณีเคสผิวไหม้จากความเย็นเลยเนื่องจาก CoolSculpting มีระบบ Freeze detect คือเครื่องจะหยุดทำงานทันทีที่ตรวจเจอความเย็นในผิวชั้นบนที่มากเกินไป มีการวิจัยและพัฒนามากว่า 19 ปี ได้รับมาตรฐาน US-FDA และมีเอกสารงานวิจัยรองรับกว่า 70 ฉบับ รวมถึงมีผู้ใช้บริการมาแล้วกว่า 11 ล้าน cycle จึงการันตีได้ว่าการทำ CoolSculpting ไม่ใช่เพียงแค่ช่วยลดไขมันเพียงอย่างเดียว แต่ยังลดจำนวนเซลล์ไขมันในชั้นผิวหนังบริเวณที่ทำได้อย่างถาวร
การทำ CoolSculpting เป็นโปรแกรมลดไขมัน กระชับสัดส่วนได้โดยไม่ต้องผ่าตัด สามารถวัดผลได้จริงครับ เหมาะกับคนที่มีไขมันส่วนเกินสะสม หรือผู้ที่ต้องการลดสัดส่วนเฉพาะจุด ที่ออกกำลังแล้วสัดส่วนไม่ลด รวมไปถึงคุณแม่หลังคลอดที่มีไขมันส่วนเกิน ต้องการรูปร่างที่ดีกลับคืนมาโดยไม่ต้องออกกำลังกายหนัก ๆ ซึ่ง Coolsculpting สามารถตอบโจทย์ความต้องการเหล่านี้ได้ โดยสามารถปรับรูปร่างให้เข้าที่เร็วขึ้น
กระบวนการทำงาน CoolSculpting
กระบวนการทำงานของเครื่อง Coolsculpting มีความปลอดภัยสูงครับ โดยแพทย์หรือ Specialist จะ ใช้หัวดูดผิวเพื่อดึงชั้นไขมันเข้ามาไว้ในหัวของเครื่อง คล้าย ๆ เราหยิกไขมันที่พุงขึ้นมา ซึ่งในหัวดูดจะปล่อยความเย็น -11°C แช่แข็งก้อนไขมันที่ถูกดูดขึ้นมานาน 35 นาทีในแต่ละจุด หลังจากที่เซลล์ไขมันถูกแช่แข็งครบเวลา ก็จะใช้การนวดเพื่อให้เซลล์ไขมันตายและลดจำนวนลงแบบถาวร และจะถูกร่างกายกำจัดออกไปเองตามธรรมชาติครับ
สำหรับคนที่กลัวเจ็บในระหว่างขั้นตอนการทำ CoolSculpting ตอนที่เครื่องดูดผิวและแช่แข็งไขมัน จะไม่มีอาการเจ็บใด ๆ ครับ เนื่องจากเป็นความเย็นจุดเยือกแข็ง ในระหว่างทำสามารถเล่นโทรศัพท์ อ่านหนังสือ ได้แบบสบาย ๆ โดยไม่ต้องกังวลอันตรายเนื่องจาก หากเซ็นเซอร์ตรวจพบว่าผิวหนังเย็นเกินไป ระบบจะปิดการทำงานโดยอัตโนมัติ
CoolSculpting ต่างจากวิธีสลายไขมันอื่นๆ อย่างไร?
ปัจจุบันมีเทคโนโลยี รวมถึงหัตถการมากมายที่สามารถช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินได้ โดยหมอจะยกตัวอย่าง เปรียบเทียบCoolSculpting กับวิธีการอื่นๆ ที่ได้รับความนิยม ดังนี้
CoolSculpting | การดูดไขมัน | เมโสแฟต | HIFU | |
ประเภทขั้นตอน | ไม่ต้องผ่าตัด | ผ่าตัดศัลกรรม | ฉีดด้วยเข็ม | คลื่นอัลตราซาวด์ |
ความเจ็บปวด | เจ็บ ตอนที่นวดหลังจากแช่แข็งไขมัน | รู้สึกปวด เจ็บ และมีรอยแผลสำหรับสอดท่อดูดไขมันขนาด 3 mm ตามจุดที่ดูดบริเวณละ 1-2 จุด | เจ็บจากการใช้เข็ม
(อาจรู้แสบขณะเดินยา) |
เจ็บขณะทำ ถ้าไม่เจ็บจะไม่เห็นผล |
ระยะเวลาในการรักษา | ใช้ระยะเวลา 35 นาที | มีขบวนการรักษาหลายขั้นตอน | ประมาณ 30 นาที | ประมาณ 30 -50นาที |
ผลลัพธ์ที่คาดหวัง | กำจัดเซลล์ไขมันได้มากถึง 25% ต่อการทำ 1 ครั้ง
เห็นผลในช่วง 3-4 สัปดาห์จะเริ่มเห็นผลว่าสัดส่วนเล็กลง เห็นผลเต็มที่ใช้เวลา 3 เดือน |
สามารถกำจัดไขมันส่วนเกินที่สะสมออกได้ในปริมาณมากๆ แต่ต้องแลกมากกับอาการบวมช้ำ ห่อเลือด | อาจจะเห็นผลไม่ชัดเจน เนื่องจากการออกฤทธิ์ของตัวยานั้นขึ้นกับปัจจัยของร่างกายแต่ละคน | เห็นผลผิวยกกระชับ ในกรณีไขมันอาจะไม่ค่อยเห็นผล |
ระยะเวลาในการพักฟื้น | สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ มีอาการระบม ปวด 7-10 วันหลังทำ | ต้องพักฟื้นนานขึ้นอาจนานจะเกิน 1 เดือน | สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ | เนื่องจากไม่มีบาดแผลและไม่ต้องพักฟื้น |
เหมาะกับใคร | คนที่ต้องการสลายไขมันในปริมาณปานกลาง (BMI<35) เพื่อแก้ไขสัดส่วน | คนที่มีปริมาณไขมันมากๆ (BMI>35) ขึ้นไป | คนที่มีงบประมาณจำกัดอาจจะทดลองใช้วิธีนี้ก่อน หากเห็นผลดีก็จะช่วยประหยัดเงินได้ | คนที่ชั้นไขมันไม่มาก แต่มีความหย่อนคล้อยที่มีปัญหามาจากผิวชั้นลึกประมาณ 2 cm |
ราคา | ราคามาตรฐานอยู่ที่หนีบละ ประมาณ 8,900-12,000 .- | ราคาขึ้นอยู่กับจุดที่ดูดไขมันเฉลี่ย 30,000 บาทขึ้นไป | ประมาณ 5000 .- / เมโสแฟต 40 cc ครอบคลุมพื้นที่ 1 ฝ่ามือ | 1,000 shot ครอบคลุมพื้นที่ 2 ผ่ามือ อยู่ที่ 25,000-40,000 .- |
CoolSculpting ทำบริเวณไหนได้บ้าง ?
การสลายไขมันด้วยความเย็น ด้วยเครื่อง Coolsculpting สามารถจัดการไขมันส่วนเกินได้เป็นอย่างดี โดยสามารถทำได้หลายจุด ซึ่งบริเวณที่ได้รับความนิยมคือ
- หน้าท้อง
- ต้นแขน
- ต้นขา
- สะโพก
CoolSculpting เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาไขมันส่วนเกินระดับปานกลาง (BMI < 35) ตามจุดต่าง ๆ ของร่างกาย ที่หลาย ๆ คนลดแล้วแต่ยังไม่เห็นผล พยายามออกกำลังกายและควบคุมอาหารแล้ว ก็ยังมีไขมันสะสมอยู่
ข้อดีของการทำ CoolSculpting
- ช่วยลดไขมันส่วนเกิน โดยเฉพาะในจุดที่ลดยาก
- ช่วยลดสัดส่วนให้เล็กลง รูปร่างสวยงามขึ้น
- ช่วยกำจัดเซลล์ไขมันอย่างถาวร
ส่วนข้อดีของ CoolSculpting ที่ช่วยมั่นใจในความปลอดภัยและผลลัพธ์มากยิ่งขึ้นคือ
- เครื่อง CoolSculpting แท้นำเข้าโดยบริษัท Allergan อเมริกา เป็นเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก
- ได้รับ U.S.FDA จาก USA รับรองว่ากำจัดเซลล์ไขมันได้ถาวร ไขมันหาย ไม่กลับมาอีก
- มี 70 งานวิจัย ยืนยันผลการรักษาว่า CoolSculpting สามารถลดจำนวนเซลล์ไขมันบริเวณที่ทำได้ 25% ต่อการทำ 1 ครั้ง
- มีระบบ Freeze Detect เครื่องจะหยุดทำงานทันทีหากความเย็นมากเกินไป (ในเครื่องเลียนแบบเกรดต่ำยี่ห้ออื่น ๆ จะเจอผลข้างเคียงเรื่องผิวไหม้จากความเย็น)
- ไม่มีแผล ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องวางยาสลบ ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น
- มีความปลอดภัยสูง ดูแลโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์
- เป็นวิธีที่สะดวก เห็นผลจริงตามหลักการแพทย์
- ขั้นตอนการทำไม่ยุ่งยากซับซ้อน และไม่ต้องเตรียมตัวใด ๆ ก่อนทำ
- ใช้ระยะเวลาในการทำเพียง 35 นาที ในแต่ละจุด
ผลลัพธ์หลังทำ CoolSculpting
ในส่วนของผลลัพธ์หลังทำ ในครั้งแรกหลังทำ Coolsculpting ก็จะสามารถสลายเซลล์ไขมันออกไปได้แล้ว 25% ต่อการทำ 1 ครั้ง ครับ คนไข้สามารถเห็นความชัดเจนของผลลัพธ์ จะเห็นได้ในช่วง 3-4 สัปดาห์ จะเห็นว่าสัดส่วนเล็กลง ได้ผลเต็มที่ใช้เวลา 3 เดือน
ในกรณีที่ทำไปแล้วอยากเห็นผลลัพธ์ที่มากขึ้น ก็สามารถกลับมาปรึกษาหมอเพื่อทำซ้ำในแต่ละจุดได้อีก แล้วแต่ควาพึงพอใจ
รีวิวการทำ CoolSculpting
รีวิว ก่อน-หลัง ทำ CoolSculpting จะเห็นได้ว่าหลังทำสัดส่วนลดลงอย่างชัดเจน ผิวมีความกระชับมากขึ้น
รีวิว โปรแกรม Coolsculpting กำจัดเซลล์ไขมันส่วนเกิน ลดยาก ลดได้โดยไม่ต้องออกกำลังกาย
CoolSculpting รีวิว จำกัดเซลล์ไขมันต้นแขน
เคสนี้มีปัญหา ต้นแขนหย่อนคล้อย หลังทำCoolSculpting 1 เดือน
ผลข้างเคียงของการทำ CoolSculpting
หลังทำ CoolSculpting อาจพบอาการเขียวช้ำได้ในบางเคส และอาการปวดระบมในช่วง 7-10 วันหลังทำ จะคล้าย ๆ อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อหลังจากออกกำลังกายหนัก ๆ ในจุดที่ทำ CoolSculpting ในช่วง 1-2 อาทิตย์แรกจะมีอาการบวมในจุดที่เซลล์ไขมันมันตายและค้างอยู่เล็กน้อย เพราะร่างกายต้องใช้เวลา เพื่อค่อย ๆ ลำเลียงเซลล์ไขมันที่ตายแล้วออกไปตามระบบเลือดและระบบน้ำเหลือง ระยะเวลาในการฟื้นตัวจากอาการปวดระบมคือ 7-10 วัน ครับ
ส่วนใครที่กังวลเรื่องแผล หรือระยะเวลาในการฟักฟื้น หลังทำจะไม่มีแผล และไม่ต้องพักฟื้นครับ รวมถึงไม่ต้องใช้ยาชาหรือยาสลบใด ๆ
การทำ CoolSculpting ใช้เวลานานไหม ?
การทำ CoolSculpting ใช้ระยะเวลาเฉลี่ยอยู่ที่ 35 นาที ครับ โดยมีขั้นตอนการทำดังนี้
- ปรึกษาแพทย์และผู้เชี่ยวชาญในการทำ CoolSculpting
- ชั่งน้ำหนัก วัดสัดส่วน และกรอกข้อมูล
- ประเมินและทำเครื่องหมายบริเวณที่ต้องการกำจัดไขมัน
- วางแผ่นเจลบริเวณที่ทำเครื่องหมายไว้
- วางแอพพลิเคเตอร์ เครื่องจะใช้การดูดแบบสูญญากาศ เพื่อให้ได้บริเวณเนื้อเยื่อที่จะทำความเย็นเข้ามาในแอพพลิเคเตอร์ให้ได้มากที่สุด
- เครื่องทำงานประมาณ 30-35 นาที ต่อจุด
- หลังครบเวลาจะนำเครื่องออก และมีการนวดเพื่อช่วยให้สลายไขมันได้ดีขึ้น
- เช็ดและทำความสะอาดบริเวณที่ทำ
- แนะนำการดูแลตัวเองและรอการนัดติดตามผลครั้งต่อไป
เลือกทำ CoolSculpting ที่ไหนดี ?
เบื้องต้นต้องเลือกกับคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ โดยสามารถเช็คความน่าเชื่อถือและมาตรฐานของคลินิกได้ดังนี้
- ต้องมีใบรับรองที่ถูกต้อง สถานที่สะอาด มีพื้นที่ไม่คับแคบ ใช้เครื่อง coolsculpting ของแท้
- ดูแลโดยแพทย์และ Specialist สำหรับทำ Coolsculpting โดยเฉพาะ
- มี Review จากผู้ใช้บริการจริง จากแหล่งที่เชื่อถือได้
- ราคา Coolsculpting สมเหตุสมผล หากถูกเกินไปอาจเป็นเครื่องปลอม หรือเลียนแบบได้ครับ
- ถ้าเลือกคลินิกที่ดีและได้มาตรฐานก็ไม่ต้องกังวลเรื่องของความปลอดภัย ดังนั้น ก่อนตัดสินใจทำ CoolSculpting จึงต้องศึกษาข้อมูลให้ถี่ถ้วนก่อนครับ
สำหรับที่ V Square Clinic จะดูแลโดยแพทย์และ Specialist สำหรับทำ Coolsculpting โดยเฉพาะ มีใบรับรองที่ถูกต้อง สถานที่สะอาด มีพื้นที่ไม่คับแคบ ใช้เครื่อง coolsculpting ของแท้ ในราคาที่สมเหตุสมผล มีแพทย์คอยให้คำแนะนำโดยตรงทุกเคส
- มีนักกายภาพที่รู้เรื่องสรีระร่างกายของมนุษย์เป็นอย่างดี จึงสามารถแนะนำการดูแลสัดส่วนได้อย่างตรงจุด
- ระหว่างทำมีแพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่ต้องกังวลเรื่องอันตรายครับ
- ขณะทำสามารถผ่อนคลายได้ด้วยเก้าอี้ Lazboy รุ่นท็อป กว้างพิเศษ เพื่อความสบายสูงสุดในช่วงเวลาที่ทำ
- ห้องทำ Coolsculpting กว้างขวาง มีขนาดอย่างน้อย 20 ตร.ม. จึงไม่รู้อึดอัดและมีความเป็นส่วนตัว
- มีเทคนิคพิเศษเฉพาะที่ช่วยให้อาการบวมหลังทำหายไวกว่าปกติ ได้รูปร่างสมส่วน เป็นธรรมชาติ
- การันตีช่วงโปรโมชั่นถูกที่สุดในท้องตลาด โดยไม่มีโปรโมชั่นแอบแฝง
CoolSculpting ราคาเท่าไหร่?
CoolSculpting ถือเป็นหัตถการที่มีความคุ้มค่าเป็นทางเลือกที่ดี วิธีหนึ่งราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 1 หนีบ 8,500.- และการทำ CoolSculpting ยังมีข้อดีกว่าวิธีกำจัดไขมันชนิดอื่น ๆ มาก ทั้งในด้านของความปลอดภัยและผลลัพธ์ ไม่ต้องผ่า ดูด หรือใช้เวลาพักฟื้นนานอีกด้วย
สรุป
สำหรับคนที่อยากกำจัดไขมันส่วนเกินแบบรวดเร็ว ปลอดภัย ไม่ต้องเจ็บตัวหรือเกิดแผล การทำ CoolSculpting สลายไขมันด้วยความเย็นเป็นทางเลือกที่ดีครับ สามารถกำจัดไขมันเฉพาะจุด เห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้จริง โดยไม่ต้องเสี่ยง หากใครสนใจ สามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์ประเมินการรักษา และวางแผนการดูแลเฉพาะบุคคลได้ครับ