เปิดใจ ปลัด มท. มุ่งขับเคลื่อนขยายผล หมู่บ้านยั่งยืนทั่วประเทศ

เปิดใจ

เปิดใจ ปลัด มท. มุ่งขับเคลื่อนขยายผล หมู่บ้านยั่งยืนทั่วประเทศ สู่ประกวดผ้าลายพระราชทาน เพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชนช่างทอผ้าทุกคนอย่างยั่งยืน

โครงการประกวดผ้าลายพระราชทาน “ผ้าลายดอกรักราชกัญญา”ได้กลับมาอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้ง ทาง นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า นับเป็นบุญของคนไทยทุกคนที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเพียรพยายามมามากกว่า 50 ปี นับเนื่องตั้งแต่ที่บ้านนาหว้า อ.นาหว้า จ.นครพนมในปี 2513 ก่อกำเนิดเป็นศูนย์ศิลปาชีพแห่งแรกในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และพัฒนาเป็นมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ และยิ่งเป็นความโชคดีของพวกเราคนไทยทุกคนที่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงมีพระปณิธานที่มุ่งมั่นแน่วแน่ในการแบ่งเบาพระราชภาระของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ด้วยการทรงเข้ามาสืบสาน รักษา และต่อยอดแนวพระราชปณิธานของสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงลงมาเป็นหัวขบวนในการขับเคลื่อนการพัฒนายกระดับและส่งเสริมให้ผู้คนได้เห็นคุณค่าของผ้าไทย และพระราชทานโครงการ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” เพราะผ้าไทยนั้นไม่ใช่แค่เครื่องนุ่งห่มที่เรามีไว้เพื่อให้เกิดความสวยงาม แต่ผ้าไทยยังเป็นเครื่องมือในการที่จะพัฒนายกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องในชนบทอีกเป็นล้านครอบครัวให้ได้มีรายได้ที่ดี

พระองค์ท่านทรงมุ่งหวังในการที่จะช่วยเหลือพสกนิกรของพระองค์ท่านให้ได้มีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยทรงนำองค์ความรู้ทางวิชาการที่ทรงศึกษา ทั้งเรื่องของแฟชั่นสมัยใหม่ ศิลปะ การตลาด มาต่อยอดสิ่งที่สมเด็จย่าของพระองค์ได้ทำไว้ให้กับช่างทอผ้าและคนไทยทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำว่า “ต่อยอดเป็นสิ่งที่ยาก” แต่ด้วยพระอัจฉริยภาพของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตรราชกัญญา สิ่งมหัศจรรย์จึงได้เกิดขึ้น มีตัวอย่างความสำเร็จ เช่น แบรนด์ขวัญตาของน้องอ๋อย สุมามาลย์ เต๊จ๊ะ ที่สามารถน้อมนำพระราชดำริ มาทำให้เกิดเป็นผืนผ้าที่สวยงามและมีเอกลักษณ์ตามแฟชั่นสมัยใหม่สอดคล้องความต้องการของตลาด

“เรื่องที่สำคัญ คือพวกเราทั้งที่เป็นข้าราชการ สื่อมวลชน และคนไทยทุกคน ต้องตระหนักถึงวงจรชีวิตของผ้าไทยที่ในท้ายสุดล้วนส่งผลต่อคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน ดังที่พระองค์ท่านทรงเป็นแรงบันดาลใจในการทำให้ “ไทยช่วยไทย” ด้วยการนำเม็ดเงินคนไทยและเม็ดเงินของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ หรือแม้แต่ลูกค้าชาวต่างชาติ มาอุดหนุนคนไทยที่มีความสามารถในการทำผ้าไทยเทคนิคต่าง ๆ ทั้งผ้าแพรวา ผ้าขิด ผ้ามัดหมี่ ผ้ายกดอก หม้อห้อม ผ้าปัก Eco Print ผ้าบาติก ผ้าปาเต๊ะ ผ้ายก ให้กลับมามีความนิยม ที่ล้วนแล้วแต่เป็นการต่อยอดภูมิปัญญาทั้งสิ้น

โดยมีคณะผู้ทรงคุณวุฒิ คือ คณะทำงานโครงการผ้าไทยใส่ให้สนุก ที่พระองค์ท่านทรง เชื้อเชิญให้มาเป็นที่ปรึกษา เป็นโค้ชให้กับผู้ประกอบการทอผ้าทุกจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อทำให้ผ้าไทยได้รับการต่อยอด ได้รับการพัฒนาจนมีมูลค่าที่สูงขึ้น โดยเอาแบบเก่ามาประยุกต์ ปรับปรุงต่อยอด ย่อขนาด ขยายขนาด  เอาลาย 1 ลาย 2 ลาย 3 มาผสมให้อยู่ในผืนเดียวกัน หรือคิดลายใหม่ เช่น ลายผ้าพระราชทาน “ลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรี”, “ลายขิดนารีรัตนราชกัญญา” และล่าสุด “ลายดอกรักราชกัญญา” ซึ่งทรงทำเป็นตัวอย่างว่าเราสามารถคิดใหม่ได้ หรืออาจจะคิดลายใหม่หรือคิดลายใหม่ผสมเก่า อันนับเป็นความโชคดีที่เรามีพระองค์ท่านเป็นหลักชัย ทำให้เกิดพลังในการขับเคลื่อนผ้าไทยในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา เพราะเป้าหมายของพระองค์ท่านอยู่ที่คุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน เมื่อพี่น้องประชาชนมีรายได้เพิ่มมากขึ้น คุณภาพชีวิตก็ต้องดีขึ้น และครอบครัวเขาก็จะมีความสุข” ปลัด มท. กล่าว

นายสุทธิพงษ์ เผยว่า สิ่งที่สำคัญที่พระองค์ท่านได้พระราชทาน นอกจากการทำให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้นเพื่อมีคุณภาพชีวิตที่ดีแล้ว คือ เรื่องความรู้และการคำนึงถึงความยั่งยืนของโลกเรา ดังคำกล่าวที่ว่า No plan B because we have only one planet “เรามีเพียงแผนเดียวเท่านั้นเพื่อโลกใบเดียวนี้ เราต้องช่วยกันรักษาและช่วยกันทำเดี๋ยวนี้” ซึ่งพระองค์ได้ทรงทำให้ผ้าไทยในทุกวันนี้ได้ช่วยรักษาโลกใบนี้ เพราะพระองค์ทรงสอนให้เราใช้สีธรรมชาติ ใช้วัสดุธรรมชาติ ไม่ใช้เส้นไหมจากโรงงาน ไม่ใช้เส้นฝ้ายจากโรงงาน แต่เป็นเส้นไหมเส้นฝ้ายที่มาจากน้ำพักน้ำแรงของพวกเรา ด้วยการปลูกฝ้าย ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ปลูกต้นไม้ให้สีธรรมชาติ เอาสิ่งรอบตัวจากธรรมชาติมาผสมผสาน ใช้ย้อมสี

ซึ่งด้วยพระอัจฉริยภาพดังกล่าว กลายเกิดเป็น Sustainable Fashion หรือ “แฟชั่นแห่งความยั่งยืน” จนล่าสุดองค์การบริหารก๊าซเรือนกระจก ได้รับรอง carbon footprint ว่าผ้าไทยเป็นผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ เพราะไหมและฝ้ายที่ทุกคนได้น้อมนำพระดำริมาขับเคลื่อนนั้นได้รับการยกย่องว่าเป็นผืนผ้ารักษ์โลก นอกจากนี้ พระองค์ยังได้พระราชทานพระดำริ “หมู่บ้านยั่งยืน : Sustainable Village” ให้ชาวมหาดไทยทั้ง 878 อำเภอ 7,255 ตำบล ได้น้อมนำมาส่งเสริมให้พี่น้องประชาชนได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน ทั้งการสวมใส่ใช้ผ้าไทยในชีวิตประจำวัน การพึ่งพาตนเอง ปลูกพืชผักสวนครัวที่เป็นผักปลอดภัยปลอดสารพิษไว้รับประทาน ช่วยลดรายจ่าย ทำให้มีเงินในกระเป๋าเหลือมากขึ้น คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ด้วยการจัดทำถังขยะเปียกลดโลกร้อนและมีการคัดแยกขยะตั้งแต่ครัวเรือน รวมทั้งถ่ายทอดประเพณีวัฒนธรรมองค์ความรู้ของชุมชน/หมู่บ้าน เพิ่มมากขึ้น

ล่าสุดคณะจากองค์การสหประชาชาติประจำประเทศไทย ได้เชิญรองเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ ไปดูงานที่บ้านโก่งธนู อ.เมืองลพบุรี จ.ลพบุรี และยกย่องสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ว่าทรงเป็นแรงผลักดันขับเคลื่อนที่ก่อให้เกิดการพัฒนาการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนเกิดขึ้น โดยทรงเป็นแรงบันดาลใจที่สำคัญที่ทำให้การขับเคลื่อนผ้าไทยสู่ความยั่งยืนโดยองค์รวม เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม จึงขอให้พวกเราได้ช่วยกันน้อมนำพระดำริ ทำให้เกิดการขยายผลไปยังพี่น้องประชาชนช่างทอผ้าและคนไทยทั่วประเทศ ได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน

ด้านนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดี พช.กล่าวว่า กรมการพัฒนาชุมชน ได้ดำเนินโครงการประกวดผ้าลายพระราชทาน  “ผ้าลายดอกรักราชกัญญา”  โดยมีเป้าหมายกลุ่มผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ประเภทผ้าและเครื่องแต่งกาย ช่างทอผ้าและงานหัตถกรรม ทุกจังหวัด ทั่วประเทศ รวม 5,000 ชิ้น ร่วมโครงการฯ เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญาผ้าไทยและงานหัตถกรรมชุมชน ดำเนินการพัฒนาผ่านการประกวดผ้าลายพระราชทาน “ผ้าลายดอกรักราชกัญญา” เปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม – 4 สิงหาคม 2566 ณ สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดและอำเภอทั่วประเทศ ณ สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดและอำเภอ ในพื้นที่ภูมิลำเนาของผู้สมัคร จะมีการคัดเลือกรอบต่าง และ มีรอบตัดสินระดับประเทศ (Final) ในวันที่ 31 ตุลาคม 2566

ปลัด มท.ปิดท้ายว่า “เป้าหมายของการประกวดไม่ได้อยู่ที่การเฟ้นหาผู้ชนะเลิศ แต่ต้องการให้ช่างทอผ้า ช่างทำผ้าทุกคนทุกกลุ่ม ใส่ใจในการที่จะพัฒนาฝีมือ อันจะเป็นเครื่องมือเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชนช่างทอผ้าทุกคนอย่างยั่งยืน”