“ปตท.” มอบทุนพนักงานส่งเรียนนอก ปั้นคนรับอนาคต – จับตาธุรกิจโลก

ปตท.ส่งเด็กรุ่นใหม่ฝังตัวในมหาวิทยาลัยดัง เกาะติดเทรนด์ธุรกิจ หวังเป็นเครื่องมือค้นหา New S-curve ใหม่ ล่าสุดประกาศหาผู้ร่วมงานด้าน data science รองรับธุรกิจใหม่ในอนาคต

นายปรีชา โภคะธนวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริหารองค์กรและความยั่งยืน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงการเตรียมความพร้อมด้านคน เพื่อรองรับธุรกิจใหม่ในอนาคตว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ปตท.ดำเนินการในโปรเจ็กต์สร้างคนที่เรียกว่า “กลุ่มทาเลนต์” ด้วยการนำพนักงานที่มีความสามารถในแต่ละหน่วยธุรกิจของ ปตท.มาพัฒนาศักยภาพเพิ่มขึ้น ด้วยการให้ทุนการศึกษา พร้อมกับส่งไปเรียนในมหาวิทยาลัยชื่อดังของโลก ประมาณ 60-70 คน เช่น มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด, มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด และมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเรียนเพิ่มเติมในหลักสูตรบริหารธุรกิจ หรือ MBA (master of business)

ขณะนี้ทยอยเรียนจบพร้อมเริ่มทำงานแล้ว แต่ในจำนวนดังกล่าวยังมีที่อยู่ระหว่างศึกษารวม 10 คน และเร็ว ๆ นี้จะส่งไปเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ วิธีการคัดเลือกผู้ที่เหมาะสมสำหรับการรับทุนมาจาก 2 แนวทาง คือ 1) คัดเลือกจากพนักงานภายในของ ปตท.ก่อนเป็นอันดับแรก และ 2) คัดเลือกจากนักศึกษาจากสถาบันต่าง ๆ ที่มีความสนใจ ซึ่งต้องผ่านการคัดกรองคือการสัมภาษณ์จากคณะกรรมการ ผู้ผ่านการคัดกรองจะต้องเข้าร่วมแคมป์ที่มีรุ่นพี่เป็นพี่เลี้ยง เพื่อให้คำแนะนำ บอกเล่าถึงประสบการณ์ในระหว่างที่ศึกษาอยู่ในต่างประเทศว่าเป็นอย่างไร

สำหรับบุคลากรที่ ปตท.ต้องการเข้ามาเสริมเพื่อรองรับงานที่มากขึ้นในขณะนี้ คือ ต้องการผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้าน “data science” หรือการจัดเก็บ และบริหารข้อมูล เพราะข้อมูลต่าง ๆ จะช่วยในการตัดสินใจในการพัฒนาธุรกิจใหม่ที่จะเกิดขึ้น ทั้งยังเชื่อมต่อกับธุรกิจเดิมที่มีอยู่หรือไม่ ซึ่งในบางธุรกิจอาจกลายเป็น New S-curve ใหม่ของ ปตท.ในอนาคตได้

“เมื่อมองเห็นภาพอนาคตของธุรกิจว่าจะไปในทิศทางใดแล้ว เราจะมาสร้างสมรรถนะของคนทำงานให้ก้าวไปในทิศทางเดียวกัน สิ่งที่ต้องเตรียมหลัก ๆ คือ ความรู้ด้านดิจิทัล, ความยืดหยุ่น และการยอมรับการเปลี่ยนแปลง ถ้าเราต้องสร้างคนก็ต้องสร้างบนพื้นฐานวิธีคิดแบบนี้ วันนี้เราเน้นที่วิธีการบริหารจัดการก่อน โดยเฉพาะเรื่องคน ที่ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปในทิศทางใดก็ตาม แต่คนของ ปตท.จะต้องทำงานภายใต้ทุก ๆ การเปลี่ยนแปลงได้ ปตท.ค่อนข้างเชื่อมั่นในศักยภาพของคน แต่อย่าไปคาดหวังว่าหากเราพัฒนาคน 100 คน ก็ไม่ได้หมายความว่าทั้งหมดจะประสบความสำเร็จทั้งหมด มันเป็นไปไม่ได้”

นายปรีชากล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับเรื่องคนทำงานประเด็นสำคัญในการบริหาร คือ ปตท.จะสร้าง career ในอนาคตให้กับพนักงานอย่างไร ทั้งนี้ ระบบภายในของ ปตท.มีความเชื่อมต่อกันระหว่างบริษัทแม่ และบริษัทในเครือ เพื่อให้เป็นกรอบการดำเนินงาน ให้รู้ว่าภายในองค์กรต้องการพนักงานในตำแหน่งใด ยกตัวอย่าง ตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ หรือ CEO รวมถึง ตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน หรือ CFO จะต้องเป็นคนภายใน ปตท.เท่านั้น โดยตามแนวคิด “organization transformation” นี้ กำหนดให้ใช้สำหรับบริษัทแม่เท่านั้น ด้านการออกแบบกลยุทธ์การดำเนินงานของบริษัทในเครือนั้น ปตท.ไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้ เพราะต่างเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแล้วทั้งสิ้น

นอกจากนี้ นายปรีชายังกล่าวถึงแนวโน้มของธุรกิจใหม่ที่มีความน่าสนใจอย่างมาก อย่างเช่น รถไฟฟ้า รวมถึงระบบสมาร์ทซิตี้ และอื่น ๆ มีความจำเป็นต้องหาคนทำงานไว้มากน้อยเพียงใดนั้น ขึ้นอยู่กับแก่นธุรกิจ (core competency) ขององค์กรว่า มุ่งหน้าไปสู่ธุรกิจใด และฝ่ายที่ต้องรับผิดชอบในการเตรียมคนต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับแก่นธุรกิจ

รายงานข่าวเพิ่มเติมจาก ปตท.ระบุว่า ปัจจุบัน ปตท.มีจำนวนพนักงานรวมทั้งสิ้น 1,500 คน จากเดิมที่มีประมาณ 3,000 คน ทั้งนี้ มีพนักงานประมาณ 1,400 คน ที่ถูกโอนย้ายไปสู่บริษัทใหม่ของกลุ่ม ปตท.คือ บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ PTTOR สำหรับนโยบายด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลของ ปตท.นั้นจะเน้นพัฒนาคนเก่าให้สามารถทำงานที่หลากหลาย โดยเฉพาะความเชี่ยวชาญในธุรกิจมากกว่า 1 ประเภท โดยพนักงานที่สนใจสามารถโอนย้ายไปทำงานในแผนกใหม่ที่มีความรู้ได้

ซึ่งถือเป็นการปรับตัวของบริษัทด้านพลังงานที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาเทคโนโลยี หรือที่เรียกว่า disruptive ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกลดลง และอาจจะถูกแทนที่ด้วยพลังงานทดแทนอื่น ๆ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ และการพัฒนาระบบกักเก็บพลังงาน หรือ energy storage system ที่ทำให้เก็บสำรองไฟฟ้าไว้ใช้ในช่วงเวลากลางคืน เป็นต้น

 

ไม่พลาดข่าวสารเศรษฐกิจ เจาะลึกทุกประเด็นทั้งภาครัฐ-เอกชน เพิ่มเราเป็นเพื่อนที่ Line ได้เลยพิมพ์ @prachachat หรือ คลิกลิงก์ https://line.me/R/ti/p/@prachachat 

หรือจะสแกน QR Code ในรูป เราพร้อมเสิร์ฟข่าวเศรษฐกิจ-ธุรกิจถึงมือผู้อ่านทันที!