“บ้านปู” องค์กรยั่งยืนระดับโลก ตอกย้ำบริษัทโดดเด่นด้าน ESG

ต้องยอมรับว่า บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ตอกย้ำความเป็นองค์กรชั้นนำด้านความยั่งยืนระดับโลก โดยการจัดอันดับให้เป็นสมาชิกทั้งในกลุ่ม FTSE4Good Emerging Index และ TSE4Good ASEAN 5 Index จาก FTSE Russell บริษัทอิสระผู้ให้บริการระดับโลกด้านการจัดทำดัชนีมาตรฐาน การวิเคราะห์ และโซลูชั่นด้านข้อมูล ซึ่งบ้านปูได้รับการประเมินสูงสุดทั้งในด้าน “environment” และ “biodiversity” เพื่อตอกย้ำการดำเนินธุรกิจโดยยึดหลัก ESG และยืนยันถึงความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนในระดับสากล

ทั้งนั้นเพราะ FTSE Russell เป็นผู้จัดทำดัชนีสำหรับแต่ละประเทศ (domestic index) ที่ร่วมทำงานกับตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกมากกว่า 20 แห่ง

สำหรับดัชนี FTSE4Good EmergingIndex เป็นดัชนีที่ออกแบบมาเพื่อวัดประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจของบริษัทในตลาดเกิดใหม่ โดยมีคณะกรรมการที่มีความเชี่ยวชาญจากหลากหลายวงการมาเป็นผู้ทำการประเมินในเรื่องความรับผิดชอบขององค์กรธุรกิจต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG Performance)

ส่วนดัชนี FTSE4Good ASEAN 5 Index เป็นดัชนีที่ประเมินจากมาตรฐาน ESG เช่นเดียวกัน เพื่อชี้วัดบริษัทที่ได้รับการยอมรับด้านความรับผิดชอบขององค์กรตามแนวคิด ESG ซึ่งได้จดทะเบียนในตลาดการเงินชั้นนำของอาเซียน โดยดัชนีที่ FTSE Russell จัดทำขึ้นนั้นได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในกลุ่มนักลงทุนทั่วโลก ทั้งด้วยจุดประสงค์ในการวิเคราะห์การลงทุน การวัดผลประกอบการ การจัดการสินทรัพย์ การป้องกันความเสี่ยง รวมไปถึงการใช้ในการสร้างกองทุนอ้างอิงดัชนี

“เดวิด แฮร์ริส” ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจเพื่อความยั่งยืน ฟุตซี่ รัสเซลล์ แอนด์ ลอนดอน สต๊อก เอ็กซ์เชนจ์กรุ๊ป (FTSE Russell & London Stock Exchange Group) กล่าวว่า FTSE Russell มีความยินดีที่ได้ต้อนรับบ้านปูเข้ามาเป็นสมาชิกในการจัดอันดับความยั่งยืน

“ทั้งในกลุ่ม FTSE4Good EmergingIndex และ FTSE4Good ASEAN Index ซึ่งเป็นดัชนีชั้นนำด้านความยั่งยืนที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก ที่ประเมินศักยภาพขององค์กรในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (environmental,social and governance : ESG) เพื่อสะท้อนให้เห็นความรับผิดชอบขององค์กรต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และการบริหารงานที่ประกอบด้วยธรรมาภิบาลที่ดีของบ้านปูได้อย่างเด่นชัดที่สุด”

สมฤดี ชัยมงคล

“สมฤดี ชัยมงคล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า บ้านปูรู้สึกยินดีและภาคภูมิใจที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นสมาชิก FTSE Index ถึง 2 กลุ่มในครั้งเดียวกัน นับเป็นข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนถึงความมุ่งมั่นและความรับผิดชอบของบริษัท ในการดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงเรื่องสิ่งแวดล้อม สังคม และการบริหารงานที่ประกอบด้วยธรรมาภิบาลมาอย่างต่อเนื่อง

“การจัดอันดับในครั้งนี้ บ้านปูได้รับการประเมินคะแนนอย่างโดดเด่นในด้านสิ่งแวดล้อม (environment) และด้านความหลากหลายทางชีวภาพ (biodiversity)ซึ่งเป็นผลลัพธ์ของความตั้งใจที่จะสร้างความเป็นเลิศในทุก ๆ ด้าน ผ่านการผสานแนวคิดการสร้างพลังงานอย่างยั่งยืน (energy sustainability) ที่เชื่อว่าพลังงานที่ดีจะต้องมีความต่อเนื่องในการส่งมอบพลังงาน (reliable)ราคาสมเหตุสมผล (affordable) และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (ecofriendly)”

“เพราะบ้านปูเชื่อว่าอุตสาหกรรมที่ดีจะต้องพัฒนาควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับหลักการความยั่งยืนหรือ ESG เพื่อสร้างผลกระทบสุทธิเชิงบวกกับระบบนิเวศ พร้อมทั้งผลักดันการเติบโตและสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับสังคม และดำเนินกิจการอย่างโปร่งใส มีจรรยาบรรณ และเป็นธรรม ทั้งนี้ เพื่อให้องค์กรของเราขับเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน พร้อมส่งมอบผลตอบแทนระยะยาวสำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของเรา และสร้างการเติบโตทางธุรกิจควบคู่ไปกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง”

นอกจากการจัดอันดับของ FTSE Russell แล้ว บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ยังได้รับการการันตีมาตรฐานความยั่งยืน และรางวัลด้านความยั่งยืนจากสถาบันที่เป็นที่ยอมรับมากมาย ทั้งในระดับโลกและระดับประเทศไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือ MSCI ESG Ratings สู่ระดับ A และกา รได้รับคัดเลือกให้อยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืน Thailand Sustainability Investment (THSI) รางวัลเกียรติยศบริษัทจดทะเบียนด้านความยั่งยืน (Sustainability Awards of Honor) สาขา SustainabilityExcellence เป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน

ที่สำคัญคือรางวัลพระราชทาน สาขาความเป็นเลิศด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Excellence Award) รวมถึงการได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices : DJSI) ในปีล่าสุดติดต่อกันเป็นปีที่ 6 ในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ (emerging markets)

นอกจากนี้ บ้านปูยังเป็นผู้นำองค์กรด้านพลังงานหนึ่งเดียวจากประเทศไทยที่ได้รับเลือกให้เข้าไปมีส่วนร่วมบนเวทีงานสัมมนาด้านความยั่งยืนระดับโลกอย่าง “UN Global Impact Leaders Summit 2020” ที่จัดขึ้นในรูปแบบ vir-tual global conference เป็นครั้งแรกในปีนี้ด้วย