ข้อกระดูกสันหลังอักเสบชนิดติดยึด โรคอันตรายที่คนปวดหลังเรื้อรังควรระวัง

บ่อยครั้งที่คนวัยทำงานอาจมีอาการปวดหลังแบบไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน และมองอาการปวดหลังเป็นเพียงอาการหนึ่งของออฟฟิศซินโดรมเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงนั้น อาการปวดหลังยังสามารถส่งสัญญาณได้อีกหลากหลายโรค โดยเฉพาะโรคที่คนส่วนใหญ่อาจไม่คุ้น หรืออาจไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนเลย เช่น โรคข้อกระดูกสันหลังอักเสบชนิดติดยึด (ankylosing spondylitis)

ศ.นพ.วรวิทย์ เลาห์เรณู อายุรแพทย์โรคข้อและรูมาติสซั่ม ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ให้ข้อมูลว่า โรคข้อกระดูกสันหลังอักเสบชนิดติดยึด เป็นโรคข้อกระดูกสันหลังอักเสบเรื้อรังที่ยังไม่ทราบสาเหตุการเกิดที่แน่ชัด

แต่จากการศึกษาพบว่าโรคนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับปัจจัยทางพันธุกรรม โดยพบว่าผู้ที่มีการตรวจพบสารพันธุกรรม HLA B27 มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคข้อกระดูกสันหลังอักเสบชนิดติดยึดมากกว่าคนทั่วไป และจะมีอัตราเสี่ยงมากยิ่งขึ้นหากมีบุคคลในครอบครัวหรือญาติสนิทมีประวัติป่วยในโรคนี้มาก่อน

โรคข้อกระดูกสันหลังอักเสบชนิดติดยึด มักพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิงสูงถึง 10 เท่า ซึ่งผู้ป่วยมักจะเริ่มมีอาการปวดหลังเรื้อรัง โดยเฉพาะอาการปวดหลังบริเวณเอวหรือกระดูกก้นกบ ช่วงอายุที่เริ่มมีอาการจะอยู่ระหว่าง 20-30 ปี หากผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยล่าช้า หรือรับการรักษาไม่ถูกต้อง จะก่อให้เกิดความพิการหรือทุพพลภาพอย่างรุนแรงตามมาได้

สิ่งสำคัญที่ควรเริ่มสังเกตและตรวจสอบตนเอง คือ อาการปวดหลังหรือรู้สึกหลังตึงขัดเรื้อรังที่นานเกิน 3 เดือนขึ้นไป โดยที่ไม่เคยได้รับอุบัติเหตุใด ๆ บริเวณหลังมาก่อน อาการปวดมักจะเริ่มปวดที่บริเวณกระดูกสันหลังส่วนเอว โดยจะรู้สึกปวดหรือรู้สึกหลังตึงขัดมากในช่วงเวลาของการนอน ซึ่งในบางรายอาจมีอาการปวดรุนแรงมากจนต้องตื่นกลางดึกและไม่สามารถนอนต่อได้ แต่หลังตื่นนอนในช่วงเช้าและเริ่มขยับตัวทำงาน อาการปวดค่อย ๆ ทุเลาลงจนสามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างปกติ ซึ่งลักษณะอาการปวดจะตรงข้ามกับอาการปวดที่เกิดจากโรคข้อกระดูกสันหลังเสื่อม หรือกล้ามเนื้อบริเวณหลังอักเสบจากการทำงาน ที่อาการจะเป็นมาเวลานั่งนาน ๆ หรือใช้หลังทำงาน แต่อาการจะดีขึ้น หากได้รับการพักผ่อนหรือการนอน

ศ.นพ.วรวิทย์บอกว่า โรคข้อกระดูกสันหลังอักเสบชนิดติดยึดนี้ หากปล่อยเอาไว้เรื้อรังก็จะส่งผลให้กระดูกสันหลังเชื่อมติดกันถาวร เกิดภาวะหลังค่อมหรือหลังแข็ง หรือร้ายแรงจนถึงขั้นกระดูกสันหลังกับกระดูกส่วนทรวงอกติดกัน ทำให้หายใจเข้าได้ไม่เต็มที่ หรือเกิดการเชื่อมติดกันของกระดูกสันหลังส่วนคอ ทำให้ไม่สามารถก้ม เงย หรือหมุนบิดคอได้

นอกจากอาการทางกระดูกสันหลังแล้ว โรคนี้ยังมีอาการแสดงที่ระบบข้อ คือ มีข้อรยางค์อักเสบ และมีอาการแสดงนอกระบบข้อ เช่น อาการตาแดงจากม่านตาอักเสบ เป็นต้น ดังนั้น การหันมาให้ความสำคัญกับอาการปวดหลังเรื้อรังจึงเป็นเรื่องสำคัญ ควรทำการปรึกษาแพทย์เพื่อให้การวินิจฉัยและรักษาที่เหมาะสมต่อไป

ในปัจจุบัน โรคข้อกระดูกสันหลังอักเสบชนิดติดยึดยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ด้วยวิวัฒนาการทางแพทย์ก็สามารถทำให้ผู้ป่วยให้มีสุขภาวะที่ดี อยู่กับโรคได้อย่างเป็นสุข และใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติมากที่สุด โดยแบ่งวิธีการรักษาได้ดังนี้

1.การรักษาด้วยวิธีการที่ไม่ใช้ยา ได้แก่ การให้ความรู้เกี่ยวกับโรคและวิธีการปฏิบัติตัวแก่ผู้ป่วย โดยแนะนำให้หลีกเลี่ยงการดื่มสุราและการสูบบุหรี่ พักผ่อนให้เพียงพอ ใช้ข้อทำงานอย่างเหมาะสมเพื่อป้องกันแรงที่กระทำต่อข้อมากเกินไป การนอนให้ถูกวิธี คือ ไม่นอนหนุนหมอนสูงมากเกินไป และการบริหารข้อและกระดูกสันหลังเพื่อป้องกันข้อและกระดูกสันหลังติดยึด หรือถ้ากระดูกสันหลังจะเชื่อมติดก็ให้ติดอยู่ในท่าที่เหมาะสม เป็นต้น

2.การรักษาทางยา ได้แก่ กลุ่มยาบรรเทาอาการปวดและลดการอักเสบ เช่น ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (nonsteroidal antiinflammatory drugs : NSAIDs) มีคุณสมบัติในการระงับและบรรเทาอาการปวดได้ดี และยาต้านรูมาติสซั่มที่ปรับเปลี่ยนการดำเนินโรค (disease-modifying antirheumatic drugs : DMARDs) ซึ่งนิยมใช้ในรายที่มีข้อรยางค์อักเสบร่วมด้วย ปัจจุบันได้มีการพัฒนายาที่เรียกว่า กลุ่มสารชีววัตถุ (biologic agents) ที่จะออกฤทธิ์ช่วยยับยั้งการทำงานของสารก่อการอักเสบของโรคเหล่านี้โดยตรง ยากลุ่มนี้มีประสิทธิภาพลดการอักเสบได้ดีมาก ทำให้สามารถควบคุมข้อและกระดูกสันหลังอักเสบได้ดี ผู้ป่วยสามารถใช้ข้อและกระดูกสันหลังทำงานได้ดีขึ้น ทั้งยังทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วย

3.การรักษาด้วยการผ่าตัด เป็นวิธีสุดท้ายที่แพทย์จะพิจารณาใช้ในการรักษาโรคนี้ โดยแพทย์จะพิจารณาทำการผ่าตัดในผู้ป่วยรายที่ข้อถูกทำลายลงไปอย่างมากแล้ว หรือเกิดภาวะข้อติดผิดรูปจนมีผลกระทบต่อการดำรงชีวิตอย่างชัดเจน อาทิ กระดูกคอติดในท่าก้ม ทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถมองไปด้านหน้าได้ กระดูกสันหลังส่วนเอวติดจนทำให้ตัวอยู่ในท่าก้มตลอดเวลา หรือในรายที่มีข้อรยางค์ติดจนไม่สามารถใช้ข้อทำงานได้อย่างเต็มที่ จำเป็นต้องใช้การผ่าตัดแก้ไข หรือเปลี่ยนข้อเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาใช้งานและเคลื่อนไหวข้อต่อได้

“สิ่งที่ผู้ป่วยโรคนี้ควรปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ไม่ใช่เพียงการทานยาให้ถูกต้องและตรงเวลา แต่ต้องให้ความสำคัญกับการออกกำลังกาย เพื่อยืดและคลายกล้ามเนื้อหรือบริเวณข้อต่อต่าง ๆ ให้ได้มากที่สุด อย่างเช่น การว่ายน้ำท่าฟรีสไตล์ ช่วยยืดคลายกล้ามเนื้อหรือข้อต่อได้ ทั้งยังมีแรงดันน้ำที่ช่วยโอบอุ้ม ลดแรงปะทะ แรงกระแทกต่าง ๆ ได้ดี นอกจากนี้ ควรเลี่ยงกีฬาที่ต้องปะทะ เช่น ฟุตบอล บาสเกตบอล รักบี้ เพราะอาจจะส่งผลเสี่ยงให้ข้อต่อ กระดูกหักได้ง่าย หรือเกิดข้ออักเสบที่รุนแรงขึ้น” คุณหมอแนะนำปิดท้าย